โค้งสุดท้าย… “เสี่ยเอ้” ถอดบทเรียนเลือกตั้ง ใช้สติก่อนกา…อย่าแค่ “ลองดู”
ลู่วิ่งสนามการเมืองศึกเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาและสมาชิกสภาเมืองพัทยา เข้าสู่โค้งสุดท้ายกันแล้ว
บรรดานักการเมืองที่กระโจนลงสู่สังเวียนแข่งขัน ต่างกำลังเร่งเครื่องกันเต็มฝีจักรกลเม็ดเด็ดพรายในการหาเสียงถูกงัดมาใช้หลากหลายตำราร้อยเล่มเกวียน
หนึ่งในนั้น คือการเดินเคาะประตูบ้านขอคะแนนเสียง ถือเป็นสูตรสำเร็จในการเข้าถึงตัวประชาชนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าหน้าตาอาจจะหมองดำคร่ำเคร่ง ท่ามกลางเปลวแดดเผาราวกับเตาอบก็ตาม
แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้กำชัย คือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากเสียงสวรรค์ของชาวเมืองพัทยา ดันขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯแห่งสภาตึกแดง
ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมศกนี้ คือวันชี้ชะตาอนาคตเมืองพัทยาโดยคนพัทยา อย่างแท้จริง….
ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกหัว ,กลาง หรือ ก้อย จะได้คนดีมีคุณภาพ มีวิสัยทัศน์เชิงบวก เป็นนักบริหารที่มีสายตาคม ชัด ลึก มองกว้าง เล็งการณ์ไกล ใช้ความสามารถพัฒนาบ้านเมือง นำพาออกไปอวดสายตาชาวโลกได้แบบไม่อายใคร ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข ลืมตาอ้าปากได้ สิ่งสำคัญคือมีคุณธรรมและความซื่อสัตย์
หรือ ต้องการคนจำพวก…สร้างวาทะกรรม กระหน่ำรอยปริร้าวในสังคมให้เกิดความแตกแยก เกลียดชัง พวกดีแต่ปากทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย นโยบายถอยหลังลงทะเล วิสัยทัศน์สั้นเท่าหางอึ่ง!
ชะตากรรมบ้านเมือง “อนาคต-อนางอ” อยู่ในมือของชาวเมืองพัทยา…. กาคนที่ใช่ ใช้สติไตร่ตรอง อย่าลองผิดลองถูก จดจำความเจ็บช้ำจากบทเรียน “กบเลือกนาย”อย่าให้ย้อนกลับมาสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวได้อีกเป็นอันขาด
“มีชัย อินทร์พิทักษ์” นักธุรกิจคนดังเจ้าของโรงแรม และประกอบกิจการเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา หนึ่งในคอการเมืองตัวจริง เสียงจริง ที่เฝ้าดูความเปลี่ยนไปของบ้านเมือง จากกลุ่มก้อนนักการเมืองมาทุกยุคสมัย
คราวนี้ เขาออกมา “ถอดบทเรียนการเลือกตั้ง”สะท้อนเหลี่ยมคู โฟกัสบางแง่มุม ให้แลเห็นความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ก่อนถึงวันเข้าคูหากาอนาคตของทุกคน
“ผมว่าการเมืองจริงๆแล้วมันสำคัญมากกับการดำเนินชีวิตเรา การเลือกตั้งแต่ละครั้งผมอยากให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการตัดสินใจให้มาก เช่น ผู้สมัครเป็นคนดีที่เชื่อถือได้ไหม? ทำงานเก่งไหม? คู่ควรสง่างามกับตำแหน่งนายกเมืองพัทยาไหม? และนโยบายการบริหารดีไหม? ตัวบุคคลและนโยบาย 2 สิ่งนี้มีผลกับการบริหารและขับเคลื่อนให้บ้านเราไปในทิศทางไหนก็ได้ อย่าให้เราถูกครอบงำจากการสร้างวาทะให้เกลียดชัง เช่นต้องปฎิวัติล้มล้าง เพราะสิ่งนั้นจะได้มาแค่การต่อสู้ ไม่ใช่การได้นักการเมืองที่ดีมีความสามารถเข้ามาบริหารงาน…”
นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ยังแนะแนวทางการตัดสินใจอีกว่า
ถอดบทเรียนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่เราที่ผ่านมา เราก็ควรนำมาตัดสินใจว่า นักการเมืองที่เราได้มา หรือเลือกมา ได้ช่วย ได้ทำอะไรให้บ้านเรามั่งไหม? เราเข้าถึงได้เจอเขาไหม? เวลามีปัญหาเขาช่วยเราแก้ไขอะไรได้ไหม? ฉะนั้นเราต้องตัดสินใจเลือกตามความเป็นจริง ไม่ใช่เลือกเพราะกระแสที่สร้างมาอย่างผิดๆ
ถ้าเราถูกครอบงำจากการสร้างกระแสให้หลงผิด ก็เท่ากับเราทำร้ายตัวเอง เพราะการบริหารงานนั้น มีผลกับการดำเนินชีวิตของเรา หลายๆครั้งเราจะเห็นการหาเสียงโดยการต่อว่าด่าทอทำลายคู่แข่ง เน้นแต่ด่าทอต่อว่าคู่แข่ง โดยไม่บอกว่าถ้าตัวเองเป็นแล้วจะทำอะไร นั่นคือการเมืองแบบโบราญซึ่งควรหมดไปได้แล้ว
เสี่ยเอ้ มีชัย ยังพูดถึงคุณลักษณะของผู้นำและการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างพัทยาอีกว่า
“พัทยาเป็นเมืองใหญ่ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเยอะมาก พูดได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ควรต้องเลือกคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี มืออาชีพ ทีมงานต้องครบ เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ทำยังไงถึงจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่พัทยาได้เยอะๆ และทำยังไงถึงคนในพัทยาจะมีอาชีพมีรายได้จากนักท่องเที่ยว นโยบายใครดี ใครทำได้ ผมว่าคนนั้นนั่นแหละเจ๋ง เลือกเขาได้เลย
ขุดถนน ทำทาง ทำท่อระบายน้ำ มันเรื่องปกติ ผมว่ามันคือการพัฒนาแบบพื้นฐาน ความจริงมันก็ไม่ได้ขุดทุกเดือนทุกปี แต่ถ้าไม่ขุดไม่ทำนั่นแหละจะเป็นปัญหา ถือว่าคุณไม่พัฒนา เอานโยบายมาหาเสียงกันดีกว่า มาด่าคู่แข่งให้ประชาชนฟัง ประชาชนจะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือก
สุดท้าย ผมว่าเราควรตั้งสติแล้วตัดสินใจเลือกตามความเป็นจริง เลือกคนดี มืออาชีพ อย่าให้ใครเอาความเกลียดชังของตัวเองมาครอบงำเราไปในทางที่ผิด เพียงแค่คำว่า “ต้องล้มล้างเพื่อเอาชนะ” โดยไม่สนใจแนวทางบริหารเมืองพัทยา การเมืองส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเราจริง อย่าเสี่ยงเพราะมันจะไม่คุ้ม 4 ปี ต่อหนึ่งวาระ เวลามันยาวนานเกินไปกับคำว่า “ลองดู”