“เบียร์-ปรเมศวร์”ยันไม่หนักใจรับศึกใหญ่ชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา ขอเน้นปากท้องปชช.-ทำงานร่วมทุกฝ่าย ไม่เน้นแตกแยก
การเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.2565 เริ่มคึกคักตั้งแต่ยังไม่เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ เมื่อมีผู้ประกาศตัวลงชิงเก้าอี้ผู้บริหารเมืองพัทยาแล้วหลายคน ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และอดีตข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็น “กลุ่มพัทยาร่วมใจ” ของ นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ที่ส่งน้องชาย “สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร” อดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชล บุรี และสมาชิกสภาเมืองพัทยายุคที่ คสช.แต่งตั้ง
ตามด้วย “กลุ่มก้าวหน้า” ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดปราศรัยอย่างยิ่งใหญ่ก่อนประกาศส่ง “บ๊อบ” กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย และผู้สมัครอิสระอย่าง “ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” อดีตนายอำเภอบางละมุง และรองอธิบดีกรมการปกครอง ประกาศลุยเดี่ยวทิ้งชีวิตบั้นปลายชีวิต ไร้สังกัดเกลียดชังการถูกครอบงำ “ฝังใจรักพัทยา อยากมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา” ชี้คอนเนคชั่นทางกฎหมาย ประสานได้ทุกองค์กร ทุกระดับ
ล่าสุด“กลุ่มรักษ์พัทยา” ที่มีแกนนำอย่าง นายสนธยา คุณปลื้ม ที่คาดว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาคนต่อไป แต่ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งในซุ้มบ้านใหญ่กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่นรมว.แรงงาน ที่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการพรรคพรรคพลังประชารัฐ จึงตัดสินใจทาบทาม “เบียร์” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรมว.วัฒนธรรม อดีต ส.ส.ชลบุรี บุตรชายนายสันต์ศักดิ์ จรูญ งามพิเชษฐ์ อดีต รมช.สาธารณสุขและ ส.ส.หลายสมัยลงสนาม
ผู้สื่อขาวได้รับการเปิดเผยจาก นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาในนาม “กลุ่มเรารักษ์พัทยา” ว่าแต่เดิมเคยลงสมัครเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นมาแล้วตั้งแต่ปี 2543 ในฐานะ สจ.เขตอำเภอบางละมุง ก่อนจะโยกย้ายไปทำงานในระดับชาติ แต่ก็เคยได้รับโอกาสกลับมาทำงานในตำแหน่งรองนายกเมืองพัทยาถึง 6 เดือน จากนั้นจึงลงสมัครการเมืองระดับประเทศ สุดท้ายได้มีโอกาสเป็นทำงานเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกับท่านอิทธิพล คุณปลื้ม อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกวางตัวให้มาลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะผ่านงานและประสบการณ์การทำงานมาอย่างมากมายตั้งแต่ระดับรัฐบาลถึงท้องถิ่น จึงถือว่ามี Connection สำคัญที่สามารถประสานในการดึงโครงการ หรือแผนพัฒนาลงสู่เมืองพัทยาได้ไม่ยาก
นายปรเมศวร์ ระบุว่าสิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือเรื่อง “ปากท้องของประชาชน” หลังต้องทนทุกข์เพราะพิษโควิดมานานกว่า 3 ปีแล้วจนทำให้เมืองพัทยากลายเป็นเมืองร้าง ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับเมืองพัทยากว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี โดยจากนี้คงจะต้องเน้นหนักไปที่การส่งเสริมให้มีการเดินทางในประเทศเป็นหลัก เพื่อเสริมนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก จีน รัสเซีย อินเดีย หรือเกาหลีที่หายไป
นายปรเมศวร์ ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเมืองพัทยาที่มีการขุดเจาะถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ว่า ที่จริงแล้วหากดูรายละเอียดถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมองเห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก โดยผลักดันโครงการลงมาพัฒนาอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องของโครงการสายไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ทั้ง 9 เส้นทางหลัก ที่จะมีการนำสายไฟและสายสื่อสารลงดิน โดยจะเห็นได้ว่าถนนตัวอย่าง เช่น ถนนพัทยาเหนือมีความสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการจึงอาจส่งผลกระทบได้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้รัฐประกาศให้ผู้รับเหมาเลื่อนระยะเวลาการทำงานออกไปเพราะปัญหาแรงงาน และยังลดไม่เรียกเก็บค่าปรับตามสัญญาด้วย จึงทำให้เกิดความล่าช้า
หากได้เข้ามาทำงานก็จะเร่งรัดและเสนอแผนให้มีการจัดทำแล้วเสร็จโดยเร็ว รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ ที่ต้องเร่งแก้ไขด้วย อย่าง การปรับภูมิทัศน์ชายหาด ส่วนตัวมองว่าการอนุรักษ์ต้นไม้เป็นสิ่งสำคัญ อาจจะมีการทบทวนใหม่ โดยจะใช้ Connection ที่มีในการขอจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลตามรูปแบบเมืองพิเศษให้ได้มากกว่าเดิมหรือประมาณ 1,700 ล้านบาทต่อปี รวมกับภาษีที่เรียกเก็บได้ 2,000 ล้านต่อปีด้วย
นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่าสำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาในครั้งนี้ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะมีความตั้งใจจริงในการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และมองว่าส่วนตัวผ่านงานมาแล้วทุกระดับจะทำให้เกิดความสะดวกขึ้นในการประสานงาน แม้ว่าส่วนตัวจะเคยปฏิเสธงานท้องถิ่นมาแล้วถึง 2 ครั้งก็ตาม เพราะขณะนั้นยังไม่พร้อม และพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในระหว่างทีมผู้สมัคร ซึ่งเคยมาจากกลุ่มเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม วิถีการเมืองก็ต้องทำให้โคจรมาลงสมัครและครั้งนี้มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ว่าจะมาเมืองพัทยาไปสู่ความเจริญได้
“อยากให้ประชาชนมั่นใจ ทีมงานในกลุ่ม “เรารักษ์พัทยา” ที่อาสามาทำงานอย่างเต็มที่ เน้นความโปร่งใส มีวิสัยทัศน์ เกิดประโยชน์ ถือเป็นคนทำงานยุคใหม่ พร้อมเปิดกว้างรับฟังเสียงจากประชาชน เพราะพัทยาเป็นเมืองที่มีศักยภาพและเป็นเมืองของคนพัทยาที่ทุกคนจะต้องมีวิถีชีวิตและความสุขสบายมากขึ้น โดยพร้อมทำงานกับทุกฝ่ายไม่เน้นความแตกแยก” นายปรเมศวร์ กล่าวด้วยความมั่นใจ
อธิบดี บุญชารี รายงาน