เมืองพัทยาใช้ยาแรง! จับปรับโรงแรมเข้าร่วมเป็นฮอลพิเทลทิ้งขยะติดเชื้อปนขยะทั่วไป หลังโป๊ะแตกพบปริมาณขยะผิดปกติ

พัทยา (4 ส.ค.2564) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายสุธี ทับหนองฮี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา เดินทางไปที่โรงแรมชลจันทร์ หลังจากที่ได้รับรายงานจาก บริษัท อิสเทิร์น กรีน เวิลด์ จำกัด บริษัทในการจัดเก็บขยะทั่วไปของเมืองพัทยาว่า โรงแรมดังกล่าวมีการลักลอบนำขยะติดเชื้อ ทิ้งปะปนกับขยะทั่วไป หรือ ขยะครัวเรือน ในลักษณะนำถุงขยะสีแดง มารวมใส่ถุงสีดำ แล้วนำมาทิ้งในจุดทิ้งขยะทั่วไป หลังจากที่พบว่าจำนวนขยะทั่วไปของโรงแรมดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่จำนวนขยะติดเชื้อมีจำนวนลดน้อยลง ทั้งๆ ที่โรงแรมดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 14 แห่งของ Hospitel ในพื้นที่เมืองพัทยา ดังนั้นขยะติดเชื้อ ควรมีปริมาณมากกว่าขยะทั่วไป เนื่องจากขยะที่เกิดขึ้นจากผู้เข้าพักทั้งหมด จะต้องเป็นขยะติดเชื้อ ไม่สามารถที่จะทิ้งรวมกับขยะทั่วไปได้ และต้องน้ำขยะใส่ถุงขยะสีแดงเท่านั้น

ต่อมา นายมาโนช เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบปัญหาการทิ้งขยะติดเชื้อรวมกับขยะทั่วไปของโรงแรมชลจันทร์ เกิดขึ้นจากก่อนหน้านี้ทางโรงแรมเสนอตัวเป็น State Quarantine หรือสถานกักกันโรคของรัฐ ขยะติดเชื้อจึงมีปริมาณมากกว่าขยะทั่วไป เพราะขยะทุกชิ้นที่เกิดจากผู้กักตัวจะกลายเป็นขยะติดเชื้อและต้องใส่ถุงสีแดงเพื่อนำมาทิ้งที่จุดทิ้งขยะติดเชื้อของทางโรงแรม ที่ผ่านมาเมืองพัทยาจัดเก็บค่าขยะติดเชื้อทั้งหมดจากภาครัฐ จนถึงวันที่ 12 กรกฏาคม 2564 เป็นวันสุดท้ายที่จัดเก็บค่าขยะติดเชื้อกับรัฐ ก่อนที่โรงแรมจะเสนอตัวเป็น Hospitel รองรับผู้ป่วยในพื้นที่เมืองพัทยา โดยหลังจากที่เปลี่ยนเป็น Hospitel กลับพบว่าจำนวนขยะติดเชื้อน้อยลง แต่ขยะทั่วไปกลับเพิ่มมากขึ้น และพนักงานเก็บขยะของ บริษัท อิสเทิร์น กรีน เวิลด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจัดเก็บขยะทั่วไปของเมืองพัทยา ได้กรีดถุงดำที่อยู่ในที่จัดเก็บขยะทั่วไปดู พบว่าภายในถุงขยะดำ บรรจุถุงขยะสีแดงอยู่หลายถุง ซึ่งเป็นขยะติดเชื้อทั้งหมด ถือเป็นความผิดข้อบัญญัติเมืองพัทยา

นอกจากนี้ ภายในห้องพักของโรงแรม มีการทำป้ายแจ้งผู้พักในการแยกทิ้งขยะแต่ละประเภทไว้ชัดเจนว่า ขยะประเภทใดต้องทิ้งลงในถุงดำ และประเภทใดต้องทิ้งในถุงแดง ภายในห้องพักมีถังขยะ 2 ใบ ถุง 2 สีให้กับผู้ป่วย ขยะที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากผู้ป่วยจะต้องทิ้งในถุงขยะสีแดง เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี เนื่องจากขยะดังกล่าวเป็นขยะติดเชื้อ ต่อมาพบว่าพนักงานจัดเก็บขยะของโรงแรมติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน

ด้าน นางณัฐวรรณ นนทปรยะ ผู้จัดการแผนกจัดซื้อโรงแรม ได้เข้าชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่รู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และพร้อมจะตรวจสอบและแก้ไข โดยเมืองพัทยาได้ให้ทางโรงแรมรื้อฉากกั้นที่วางขยะทั่วไปออก เนื่องจากขยะทั่วไปไม่จำเป็นต้องทำที่กั้น ส่วนของถังขยะต้องเปลี่ยนเป็นถังแบบมีล้อ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทำงานอย่างสะดวก เนื่องจากระยะทางของถังขยะกับจุดจอดรถไกล เจ้าหน้าที่จะได้จัดเก็บได้เอง พนักงานโรงแรมไม่ต้องเข้ามาช่วย

ขณะที่ นายสุธี ทับหนองฮี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมเมืองพพัทยา เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวของโรงแรมถือว่าเป็นความผิดตามข้อบัญญัติเมืองพัทยา ข้อ 16 ทิ้งขยะปะปนกับมูลฝอยอื่น ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนตามข้อ 52 เป็นความผิดมาตรา 73 วรรค 2 พรบ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 ปรับไม่เกิน 5,000 บาท โดยในครั้งนี้ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก เมืองพัทยาจะว่ากล่าวตักเตือนและปรับ แต่หากพบว่ายังคงแอบนำขยะอันตรายไปที่ทิ้งขยะทั่วไปอีก เมืองพัทยาจะใช้ยาแรง เอาผิดโรงแรมตามกฎกระทรวง ข้อ 4 ห้ามมิให้ผู้ใด ถ่าย เท ทิ้ง หรือทำให้มีขึ้นในที่ทางสาธารณะ ซึ่งขยะมูลฝอยติดเชื้อนอกจากต้องทิ้งหรือกำจัด ณ สถานที่ หรือตามวิธีที่ท้องถิ่นกำหนด หรือจัดให้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายออกตามมาตรา 68/1 จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

นายสุธี กล่าวอีกว่า สำหรับโรงแรมชลจันทร์ ในอดีตเป็น State Quarantine ย่อมทราบเป็นอย่างดีเรื่องของการจัดการขยะของ State Quarantine ดังนั้นการเปลี่ยนเป็น Hospitel ก็ใช้หลักการกำจัดขยะเดียวกัน จะไม่รู้ไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นการเลี่ยงค่าจัดเก็บขยะ ที่ก่อนหน้านี้เป็น State Quarantine ภาครัฐเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น Hospitel เมื่อกลางเดือนกรกฏาคม โรงแรมต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ เองรวมถึงค่าจัดเก็บขยะ ที่ค่าจัดเก็บขยะติดเชื้อจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 24 บาท ขณะที่ขยะทั่วไป กิโลกรัมละ 1.50 บาท อย่างไรก็ตาม ด้วยหลักฐานที่เกิดขึ้น เมืองพัทยาต้องดำเนินการปรับเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท และตักเตือนก่อนในครั้งแรก เพื่อเป็นการป้องกันการเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หากพบว่ามีการลักลอบทำในลักษณะดังกล่าวอีก เมืองพัทยาเตรียมใช้กฏกระทรวงในการดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป นอกจากนี้ Hospitel ที่เหลือ หากพบว่ามีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เมืองพัทยาจะดำเนินการจับปรับทันที.