พฐ.เข้าตรวจบ้านสุขาวดี หลังเพลิงปะทุซ้ำกลางดึก เสี่ยงอาคารถล่ม!
จากกรณีเมื่อ เวลา 10.30 น. ของวันที่1 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ได้เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านสุขาวดี คฤหาสน์หรูพันล้าน แลนด์มาร์คท่องเที่ยวเมืองพัทยา หลังจากได้ทำการเปิดให้บริการเป็นวันแรก เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังคน และรถดับเพลิงกว่า 20 คัน ทั้งในเขตเมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง ช่วยกันฉีดน้ำดับเพลิงใช้เวลา 4 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00น. วันที่2 ก.ค.63 พ.ต.ต.หญิง อรวรรณ อรรถโสภา สารวัตรพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 (ชลบุรี) พร้อมนายสุรชาติ เกิดปราชญ์ หัวหน้าเจ้าพนักงานป้องกันชำนาญการ สำนักปลัดเมืองพัทยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานสามารถตรวจสอบได้เพียงตัวโครงสร้างของ อาคารพุทธบารมี เท่านั้น เนื่องจากบริเวณชั้นใต้ดินของอาคารยังมีไฟลุกอยู่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมืองพัทยาได้ฉีดน้ำเลี้ยงห้องใต้ดินไว้ ทั้งนี้เจ้าหน้าพิสูจน์หลักฐานยังได้เก็บหลักฐานอื่นๆ บริเวณรอบ ๆ อาคารที่เกิดเหตุ อีกทั้งสอบปากคำ นายวิเชียร หัวหน้าคนงาน และนางสาวเชอร์รี่ พนักงานชาวพม่า ผู้เห็นเหตุการณ์ เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลเป็นการเบื้องต้นก่อนจะลงพื้นเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ต่อมาทางผู้บริหารบ้านสุขาวดี ได้ให้คนงานนำสังกะสีมาปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 2 ก.ค.2563 ได้เกิดเพลิงปะทุขึ้นอีกครั้ง เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยต้องประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พร้อมรถน้ำกว่า 10 คัน สนับสนุนในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าภายใต้ตัวอาคาร ซึ่งมีวัตถุที่เป็นเชื้อไฟเป็นจำนวนมาก เกิดเปลวเพลิงโหมลุกขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากมีกระแสลมแรงพัดเข้าทางด้านหน้าของตัวอาคาร ทำให้มีกลุ่มควันหนาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และเกิดเสียงปะทุระเบิดขึ้นเป็นระยะๆโดยมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงผลัดกันออกมาเฝ้าดูสถานการณ์ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำเข้าไปด้านใต้ตัวอาคารเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง
นายกฤษณะ เหล่าชาติ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้นำกำลังเข้าระงับเปลวเพลิงจนสงบลงไปแล้ว แต่ยังได้วางกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ไม่ได้ถอนกำลังออกมาจากจุดเกิดเหตุทั้งหมด กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่มีกระแสลมแรง ประกอบกับตัวอาคารตั้งอยู่ริมทะเล กระแสลมได้พัดเข้าไปด้านในตัวอาคาร เพลิงจึงเกิดปะทุขึ้นอีกครั้ง จึงต้องเรียกกำลังกลับมาระงับเหตุอีก แต่ด้วยตัวอาคารถูกความร้อนเป็นเวลานาน ทำให้ตัวอาคารมีความเสี่ยงสูงที่จะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา สร้างความยากลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบภายในได้รับความเสียหายทั้งหมด