ชำแหละ “ดีลลับ” คดีฉาว! “โปลิศไฮเวย์-หนุ่มสายเขียว” “กรรโชกทรัพย์” จบง่าย! ได้ด้วยเหรอ?
“โอม… มะลึกกึ๊กกึ๋ย เพี้ยง!”
กลิ่นมันชักทะแม่งๆ… โชยแรงซะด้วย!
คดีที่สังคมชาวโลกกำลังจับจ้อง แก๊ง 4 กุมาร “โปลิศไฮเวย์”กับ “หนุ่มสายเขียว” พ่อค้าขายกัญชาย่านถนนวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้
ตกเป็นข่าวฉาวเขย่าวงการสีกากี ระหว่างเขากำลังขับขี่ รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักเมื่อช่วงดึกของวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา
เจอตำรวจทางหลวง ตั้งด่านตรวจยวดยาน บริเวณปากทาง ถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ใกล้สามแยกมอเตอร์เวย์ ชนกับถนนสุขุมวิท พิกัดพัทยาเหนือ
ชายในเครื่องแบบ 4 นาย ภายใต้อาร์ม “ Highway Police Motorway7” สังกัดสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
เรียกให้เขาจอด ขอค้นตัว ยึดโทรศัพท์ไปดู พอเห็นภาพกัญชากับ “พอร์ตกัญชา” อยู่ในมือถือ เท่านั้น
โปลิศแมนถึงกับของขึ้น-องค์ลง รุมล็อกตัว พยายามยื้อยุด เพื่อพันธนาการข้อมือ ด้วยนาฬิกากิโลเหล็กเรือนคู่!
ด้วยสัญชาตญาณ เมื่อรู้ตัวมี “ภัยคุกคาม” จ่อคอหอย แรงดิ้นเอาตัวรอดกับท่าทางโวยวาย ไม่เป็นที่สบอารมณ์ ของกลุ่มชายในคราบผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ เท่าไหร่นัก จึงหวดกะโหลก ด้วยกระบอกไฟฉาย สยบแรงยื้อให้หยุดนิ่งในความสงบ
ก่อนจะรื้อค้นกระเป๋าสะพาย ล้วงเงิน 3 หมื่นกว่าบาท ที่อยู่ข้างในไปแถมอ้างมึนๆ ว่าเป็นค่า “ปล่อยตัว” หน้าตาเฉย!
เรื่องไม่จบ เพราะหนุ่มสายเขียว กลายเป็น “หมูเขี้ยวตัน” วิ่งโร่ไปแจ้งความที่โรงพักบางละมุง เปิดหน้าชนกับคนในเครื่องแบบคืนนั้นเลย!
เดินหน้าโยกสวิตช์ เปิดเกม ร้อง “สื่อ” ดึงมาเป็น“ขีปนาวุธนำร่อง” เข้าสู่แนวร่วม โหมกระพืออยู่ 2-3 วัน ขณะที่พนักงานสอบสวน กับ ทีมสืบฯบางละมุง ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ออกตามเก็บพยานหลักฐานต่างๆ
รวมทั้งควานหา ภาพกล้องวงจรปิดทุกจุด กันอุตลุดเช่นกัน!
ตดไม่ทันหายเหม็น วันก่อน แมลงวันหัวเขียว คาบข่าวมาเล่าสู่กันฟัง หนุ่มสายเขียว แอบไป “ปิดดีลลับ” กับ สี่ยอดกุมาร ไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนมอเตอร์เวย์สาย7 เบ็ดเสร็จตัวเลข 6 หลัก
เคลียร์ปิดดีลกันไป ภายใต้รหัสมอร์ส “สามสิบพัน คูณ ซาว” ตัวเลขกลมๆ ทบเงินต้นที่ตีกินไป บวกดอก บวกค่าขวัญบิน งานนี้โดนหมูเขี้ยวตันขวิดไส้แตกเลือดสาด บาดเจ็บปางตายไปตามๆกัน
ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเรื่องระหว่าง สี่ยอดกุมารไฮเวย์ กับ “บั๊ม สายควัน” เท่านั้นนะ พนักงานสอบสวน กับ ทีมสืบฯบางละมุง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย เกี่ยวดองหนองยุ่ง อะไรด้วยนะจ๊ะ!ขอบอก…
เส้นคดียังเดินหน้าไร้รอยต่อ ไม่มีสะดุดกึกกัก!
ทุกองคาพยพ ยังใช้ความพยายาม ตามล่าหาความจริง รวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อมต่อ “จิ๊กซอว์”อย่างไม่ลดละ ใครผิด-ถูก ว่ากันไปตามเนื้อผ้า การันตีไม่มีบิด ให้เสียทรง!
เพราะเท่าที่ดู อาจโดน “กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ” และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 พ่วงด้วย
โฟกัสข้อหา “กรรโชกทรัพย์”แบบชัดๆ
เป็นความผิด “อาญาแผ่นดิน” ยอมความไม่ได้ แม้ผู้เสียหาย ไม่แจ้งความร้องทุกข์ แต่มีผู้รับรู้เหตุการณ์แจ้งความกล่าวโทษ พนักงานสอบสวนต้องดำเนินคดีเอาตัวคนทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้
ถึงจะเออออห่อหมก “เกี้ยเซี้ย” จับมือจูบปากกันดูดดื่มไปแล้วก็ตาม แม้จะลืม “คืนอัปยศ” เมื่อวันวานไปหมดสิ้น แต่ว่างานนี้ ร้อยเวรเจ้าของคดี กับชุดสืบฯ เขาไม่ “ดำน้ำ” ด้วยนะจ๊ะ
“เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอ” …ขอบายคะ
ชั่วโมงนี้ ขอทำหน้าที่ “ต้นธารยุติธรรม” เต็มขีดกำลังความสามารถ ก่อนส่งไม้ให้ “มือปราบทุจริตภาครัฐ” สำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ “ ป.ป.ท.” รับลูกไป ดำเนินการต่อ…
“อธิปบูรพา” พลิกดูประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วย ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ลักษณะแรก มีการบังคับจิตใจ ผู้อื่นให้กลัวจนยอมให้ /รับปากว่าจะให้ทรัพย์สิน โดยวิธีใช้กำลังประทุษร้าย
ขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกบังคับ/คนอื่น
อีกลักษณะหนึ่ง ด้วยวิธี “ข่มขืนใจ” คือ บังคับ/ฝืนใจ/ให้ทำตามโดยไม่ได้สมัครใจจะผิดฐานกรรโชก ผู้เสียหายต้อง “เกิดความกลัว” แล้วยอมให้และรับปากว่าจะยอมให้เป็นความผิดได้ต้องเกิดความกลัว แล้วยอมให้หรือรับปากว่าจะยอมให้ แม้ยังไม่ได้ส่งมอบทรัพย์สินให้ ก็เป็นความผิดแล้ว
“กรรโชกทรัพย์” ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท
แต่ถ้าผู้ที่กระทำการกรรโชกขู่ว่าจะฆ่า ทำให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 7 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท
ขอตอกย้ำ ซ้ำคำเดิมอีกรอบว่า ข้อกล่าวหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์” นั้น เป็นความผิด “อาญาแผ่นดิน” เน้นขีดเส้นใต้ด้วยว่า “ยอมความไม่ได้” แม้ผู้เสียหายจะไม่เอาเรื่องเอาความคู่กรณี ก็ตาม!!
คดีฉาว เวลานี้ยังอาจไม่ชี้ผิดชี้ถูกใครได้ ขึ้นอยู่กับว่าพยานหลักฐาน โยงใยไปได้ถึงไหน จึงยังไม่มีใครถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตำรวจทุกนาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
เคยดูหนัง “โปลิศจับขโมย” ว่าสนุกเร้าใจแล้ว…
แต่โปรแกรมเพชร หนังฟอร์มยักษ์ “ตำรวจจับโปลิศแมน” ที่กำลังเข้าฉาย ชั้นเชิงเหนือชั้นกว่า ดูยิ่งซับซ้อนซ่อนคม ตื่นเต้นเร้าใจ!ยิ่งกว่ามังกรต้อนพยัคฆ์ร้ายลงหลุม
ชาวเมืองพัทยาตามติด ว่าแต่ อย่า“มวยล้ม ต้มคนดู”
สลับฉากเป็น “โปลิศการละคร” หนังคนละม้วน ก็แล้วกัน!!
อั๋น พันดาว