วันพฤหัสบดี, มีนาคม 20, 2025
Latest:

ผู้ปกครองรวมตัวขับไล่ซิสเตอร์มูลนิธิดัง หลังไม่พอใจเมนูอาหารสำหรับเด็ก หวั่นไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ

ที่หน้าโรงเรียนสอนคนตาบอด พระมหาไถ่พัทยา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มี.ค.2568 น.ส.นิสา อายุ 47 ปี พร้อมด้วยบรรดาญาติๆ ออกมาถือป้าย ขับไล่ซิสเตอร์ ผู้ดูแลของมูลนิธิชื่อดังแห่งหนึ่งเมืองพัทยา หลังบุตรหลานที่มีอาการบกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งอยู่ในการดูแลของมูลนิธิฯ กลับมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเมนูอาหารที่ทางมูลนิธิจัดให้ ซึ่งทางผู้ปกครองเห็นว่าไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ และไม่เหมาะที่จะให้เด็กรับประทาน อีกทั้งการเบิกของใช้กิจวัตรประจำวัน ค่อนข้างยุ่งยากลำบาก

น.ส.นิสา เล่าว่า ตนเองได้ร้บฟังข้อมูลมาจากบุคลากรที่ออกไปแล้ว และครูอีกหลายท่านที่ต้องทนพฤติกรรมของซิสเตอร์ และรับไม่ได้กับเมนูอาหาร เช่น เมนูยำปลากรอบ ต้มจืดมักกะโรนี กับข้าว นอกจากนี้ยังเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่ของเด็ก ซึ่งด้านหลังห้องเรียน ยังมีรังต่อ รังแตน แต่ไม่ยอมกำจัด จึงเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อนักเรียนได้

ด้านนางวันเพ็ญ อายุ 59 ปี และหลาน อายุ 18 ปี ให้ข้อมูลว่า หลานได้เข้าเรียนที่นี่มา 14 ปี ได้ตั้งฉายาให้กับซิสเตอร์ว่าปีศาจ เพราะตั้งแต่ซิสเตอร์เข้ามาบริหารมูลนิธิแห่งนี้ ทุกอย่างถูกเปลี่ยนแปลงไปหมด ทั้งในเรื่องอาหารที่รสชาติไม่อร่อย และข้าวเหมือนหุงไม่สุก และหลานเคยบอกกับยายว่า เคยได้กินข้าวบูด แต่ยายยังบอกว่าอย่าพูดแบบนี้ เพราะเราไม่มีสิทธิเลือก เขาให้กินอะไรก็ต้องกิน ซึ่งเมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ จนกระทั่งมาทราบว่ามีคุณครูท่านหนึ่งเถียงกับซิสเตอร์ จนถูกไล่ออก รวมไปถึงปัญหาข้าวของเครื่องใช้ที่เบิกยาก ทั้งที่เป็นของที่รับบริจาคมา ทั้งของที่หมดอายุนำมาให้เด็กกิน และที่รับไม่ได้คือเมนู ต้มจืด มักกะโรนี

ต่อมาเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน ซิสเตอร์ดาริกา อนุตตรานนท์ พร้อมด้วย นายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขานุการของมูลนิธิ รวมไปถึงกลุ่มผู้ปกครอง ได้เข้าพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นที่ห้องประชุมของมูลนิธิ โดยมีผู้สื่อข่าวทุกแขนงร่วมรับฟัง ขณะที่ซิสเตอร์ดาริกา ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ในเรื่องของอาหาร ทางมูลนิธิใช้วัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน และในเมนูที่เกิดประเด็นนั้น ใช้วัตถุดิบที่ได้จากผู้ใจบุญที่นำมามอบให้ ส่วนขนมที่หมดอายุ ต้องยอมรับว่าบางครั้งสิ่งของที่รับมานั้น บางชิ้นก็หมดอายุไปก่อนแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้นำมาให้เด็กอย่างแน่นอน เพราะทางมูลนิธิมีฟาร์มหมูไว้รองรับ

ส่วนเรื่องของที่ได้รับบริจาคมานั้น ทางมูลนิธิมีความโปร่งใสเป็นอย่างมาก เมื่อรับแล้วจะมีเจ้าหน้าที่บันทึกจำนวนลงคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงตอนเบิกด้วย โดยทางมูลนิธิฯ จะมีของเตรียมไว้ในสต๊อกเพื่อรองรับเด็กได้ถึงสี่เดือน ส่วนนอกเหนือจากนั้น จะแบ่งปันไปให้จุดอื่นภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯทั้งนี้ในเรื่องของอาหารทางมูลนิธิฯ ยังมีการตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างไว้ หากเกิดปัญหาเด็กกินแล้วมีอาการท้องร่วงจะนำส่งอาหารตัวอย่างไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถหาข้อยุติในปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ปกครองยังคงยืนยันเดินหน้าถอดถอนซิสเตอร์ผู้ดูแลออกจากตำแหน่ง โดยได้ยื่นหนังสือ ร้องเรียนพร้อมหลักฐาน เป็นรูปภาพอาหาร ที่ทางมูลนิธิฯ จัดให้เด็กรับประทานในแต่ละมื้อ โดยนายสุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขานุการของมูลนิธิฯ เป็นตัวแทนรับเอกสารร้องเรียนไว้พิจารณา นอกจากนี้ กลุ่มผู้ปกครองจะนำเอกสารไปยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปลดซิสเตอร์ผู้ดูแลออกจากตำแหน่งต่อไป.