บก.สส.ภ.2 รวบ4คนไทยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาบ้านพักในศรีราชา เปิดเพจเฟซบุ๊กหลอกเหยื่อ ส่วน 2 หัวโจก “จีนเทา” ไหวตัวชิงหนีออกนอกประเทศ

ชลบุรี (7 ส.ค.2567) พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผู้บัญชาการ สำนักตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และ พล.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกันแถลงการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนภาค 2 สืบทราบว่า มีขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้บ้านภายในหมู่บ้านย่าน ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นสำนักงาน จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว

ผลการตรวจค้น พบชายไทย 4 คน คือ นายชนาภัทร นายโชคชัย นายชิชณุพงษ์ และนายจีรวัฒน์ จากการตรวจค้นภายในบ้านพบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ จำนวน 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งหมดรับว่าตนเองและพวกร่วมกันเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตั้งเพจเฟสบุ๊คในการหลอกช่วยเหลือเหยื่อ มีการยิงแอดโฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือ ทนายความ ที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา โดยหลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก) ซึ่งจะมีสคริปท์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้ โดยภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบข้อมูลการสนทนากับเหยื่อในแอพลิเคชั่นเมสเซ็นเจอร์เฟสบุ๊ค และแอพพลิเคชั่นไลน์ออฟฟิศเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด จึงจับกุมและแยกดำเนินคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน มีรองหัวหน้า คือ Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขานุการเป็นคนไทย คือ นายภาวัต หรือ เหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ บ่อนการพนัน และฟอกเงิน จึงขยายผลและขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีก จำนวน 3 จุด ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว

สำหรับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานที่ตั้งมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสารและสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ต่างประเทศ จึงเข้ามาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย ซึ่งจะมีการสืบสวนและขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะติดตามผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวง เพื่อให้มาดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดฐานฟอกเงินต่อไป ซึ่งหากใครเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอก สามารถให้ข้อมูลได้ที่ บก.สส.2 หมายเลขโทรศัพท์ 038 276 724 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี