ผู้ประกอบการชี้ Free Visa “จีน-คาซัคสถาน” อาจไม่ตอบโจทย์กระตุ้นท่องเที่ยวพัทยา ชี้พฤติกรรมนทท.จีนเปลี่ยน เน้นกว้านซื้ออสังหาฯ ทำที่พักให้พวกเดียวกัน ทำรัฐเสียหาย

นางสาวพัชร์ศณัสม์ อัศวชัยโสภณ รองกรรมการผู้จัดการ โรงแรมแกรนด์จอมเทียน พาเลซ พัทยา เปิดเผยว่าสำหรับนโยบายของภาครัฐที่ประกาศยกเลิกการทำวีซ่าหรือ Free Visa ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและคาซัคสถาน เพื่อเป็นการดึงดูดและกระตุ้นความสนใจต่อการท่องเที่ยวของไทยนั้น กรณีนี้สำหรับเมืองพัทยาเองมองว่ายังไม่ส่งผลดีมากนัก ด้วยเพราะตอนนี้เมืองพัทยาเองไม่ได้อยู่ในความนิยมของนักท่องเที่ยวจีนเหมือนในอดีต เรียกได้ว่าหลุดจากอันดับ 1-3 ในส่วนของพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก แต่ยังโชคดีที่มีนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานมาที่ให้ความสนใจเมืองพัทยาเป็นอันดับต้นๆเดินทางเข้าพักอย่างต่อเนื่อง อย่าง ไรก็ตามจากข้อมูลที่ทาง Agent รัสเซียทราบว่าปัจจุบันยอดของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนนั้นยังมีจำนวนไม่มากนัก เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ประสบปัญหาเรื่องของค่าเงินรูเบิลที่มีการปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือการจับจ่ายสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้ประกอบการต้องปรับราคาใหม่เพื่อสร้างแรงดึงดูดเพิ่มเติมด้วย

สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ High Season ของเมืองพัทยานั้น พบว่ายอดจับจองยังไม่สูงหรือเข้าตามเป้าหมายเหมือนในอดีต ด้วยส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือกลุ่มตลาดรัสเซีย แต่ยังชี้ชัดไม่ได้คงต้องรอดูการจับจองและสถานการณ์ภายในเดือนตุลาคมนี้ก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น พบว่าส่วนใหญ่จะหายไปหรือย้ายพื้นที่ท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดจะมีเพียงกลุ่ม FIT หรือกลุ่มที่มาส่วนตัวเท่านั้นที่จะเน้นไปเข้าพักที่โรงแรมระดับ 5 ดาวหรือพูลวิลลาเป็นหลัก ขณะที่โรงแรมระดับ 4 ดาวลงมายังไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีแต่อย่างใด

นางสาวพัชร์ศณัสม์ เปิดเผยต่อไปว่าสิ่งสำคัญที่เมืองพัทยาเทียบไม่ได้กับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างภูเก็ต กทม. หรือเชียงใหม่ เพราะพื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านี้มีสนามบินที่บินตรงและอยู่ในพื้นที่ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทาง ขณะที่เมืองพัทยาต้องรอนักท่องเที่ยวจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะสนามบินอู่ตะเภายังไม่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ที่สำคัญการเดินทางของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวเองยังคงมีปัญหา เหตุเพราะเมืองพัทยายังไม่แก้ไขปัญหารถของผู้ประกอบการกลุ่ม Bolt หรือ Grab ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความนิยมใช้บริการ แต่กลับพบว่ามีการต่อต้านอย่างสูงในพื้นที่กับกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ ดังนั้นก็ควรจะให้ความสำคัญและเข้ามาแก้ไขและสร้างความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

รองกรรมการผู้จัดการ โรงแรมแกรนด์จอมเทียน พาเลซ พัทยา กล่าวอีกว่า ที่สำคัญพฤติกรรมการเข้าพักของนักท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม ที่ผ่านมาแม้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวยังไม่ลดลง แต่จากกรณีที่กลุ่มชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนจะมากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เมืองพัทยา ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร หรือพูลวิลล่า ที่พบว่ามีอัตราสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และเปิดให้นักท่องเที่ยวสัญชาติเดียวกันเข้าพักในลักษณะ Home Stay เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงแรมเช่นกัน ที่สำคัญรายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ารัฐแต่อย่างใด จึงควรให้ความสนใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังด้วย.