วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
Latest:
+กฟภ.พลังงานเศรษฐกิจ

กฟภ.เลือกเมืองพัทยาตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าพิกัดสูงแห่งแรกในไทย หนุนใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ที่แหลมบาลีฮาย,ชลบุรี นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการบริหาร ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา นายวิเชียร เฮงอุดมทรัพย์ ผู้จัดการ กฟภ.เมืองพัทยา ร่วมเปิดการใช้งานเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าพิกัดสูง (EV Super Charge) ขนาด 360 kW ณ สถานี PEA VOLTA เซเว่น อีเลฟเว่น บาลีฮาย เมืองพัทยา โดยมีพันธมิตรค่ายรถยนต์ไฟฟ้า แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน

นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการ กฟภ.กล่าวว่า สถานี PEA VOLTA 7-11 บาลีฮาย ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งนี้ เป็นสถานีที่มีเครื่องอัดประจุแบบพิกัดสูง หรือ Super Charge ขนาด 360 kW แห่งแรกของประเทศไทย และเป็นสถานีที่สามารถอัดประจุไฟให้กับยานยนต์ไฟฟ้าได้รวดเร็วที่สุด เป็นการต่อยอดจากแนวความคิดที่ว่า “ครอบคลุมทั่วไทย ชาร์จมั่นใจทุกเส้นทาง” ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพยายามสื่อสารและยึดถือเป็นแนวทางในการให้บริการสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด

ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคาดว่าจะสามารถให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอีก 150 แห่ง รวมเป็น 313 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การบริการที่มากขึ้น และนอกเหนือจากความมุ่งมั่นที่จะขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่แล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังมุ่งมั่นที่จะขยายบริการให้ตอบรับกับความต้องการที่มากขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่มีสมรรถนะสูงและรองรับการอัดประจุไฟฟ้าด้วยพิกัดกำลังไฟฟ้าสูงทำให้ระยะเวลาชาร์จลดลง

สำหรับเครื่องอัดประจุแบบพิกัดสูง หรือ Super Charge ขนาด 360 W แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพของเมืองพัทยา ภายใต้ความร่วมมืออันดีของพันธมิตร ทั้งบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น เซเว่น เดลิเวอรี่ และเมืองพัทยา ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังมีการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการให้บริการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า เช่น เครื่องอัดประจุ VOLTA DC25 และ Pupaplug ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการให้บริการได้อย่างครอบคลุม

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเชื่อว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีการใช้พลังงานในการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ด้านการพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ

รวมถึงการพัฒนาและยกระดับการให้บริการเพื่อมุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัล สอดคล้องกับกระแส Carbon Neutrality หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมีแนวทางเป็นเรื่องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นทาง และการชดเชยคาร์บอนเครดิต อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชนและประเทศชาติของเราต่อไป.