ปชช.ฮือดูหน้า “อู๋ ปากเพรียว” สุดเหี้ยมปาดคอป้าเจ้าของร้านชำ อ้างเมา-อยากได้เงิน
จากเหตุ นายสมศักดิ์ ทิพย์ประภาแย้ม หรือ “อู๋ ปากเพรียว” อายุ 41 ปี ใช้อาวุธมีดบุกปาดคอและจ้วงแทง นางวิรัตน์ วิจิตรสมบัติ อายุ 68 ปี เจ้าของร้านโชห่วย เลขที่ 323/36 ม.13 ภายในซอย 71 สุขุมวิทพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับชิงเงินสดประมาณ 2 หมื่นบาท ที่อยู่ในเสื้อเอี๊ยม ก่อนขี่รถจักรยานเพื่อนบ้านปั่นหนีไปจอดทิ้งบริเวณหน้าสถานีตำรวจทางหลวงพัทยา ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร แล้วหายตัวไปอย่างไร้รอยรอย หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.บางละมุง ร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดชลบุรี และตำรวจสืบสวนภาค 2 ได้ลงพื้นที่สืบสวนเก็บหลักฐานแล้วออกหมายจับ และปูพรมไล่ล่าคนร้าย ตลอด 2 วันติดต่อกัน ตามที่เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2563 พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก. สภ.บางละมุง เปิดเผยหลังนำกำลังชุดสืบสวนเข้าจับกุม นายสมศักดิ์ ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดระยอง พร้อมของกลาง เงินสด 8,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เสื้อผ้าที่ใส่หลบหนี 1 ชุด และมีดปอกผลไม้ 1 เล่ม ว่ากล้องวงจรปิดสามารบันทึกพฤติการณ์คนร้ายตอนก่อเหตุไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นการลงมือก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม
พล.ต.ต.ประการ กล่าวอีกว่าสำหรับแนวทางการสืบสวน หลังจากเกิดเหตุตำรวจชุดทำงาน ได้ลงพื้นที่สอบสวนพยานแวดล้อม และตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด จนทราบว่าหลังจากคนร้ายก่อเหตุได้เอารถจักรยานเพื่อนบ้านปั่นหนี ไปจอดทิ้งอยู่ที่บริเวณสถานีตำรวจทางหลวงพัทยา ก่อนนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปซื้อเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด ที่บริเวณหลังตลาดวัดชัยมงคล พัทยาใต้ ก่อนจะว่าจ้างรถแท็กซี่เมืองพัทยา ไปส่งยังตลาดแห่งหนึ่งตัวเมืองระยอง เพื่อจะหลบหนีต่อ แต่ปรากฏว่ารอบขนส่งหมดพอดี คนร้ายจึงไปเปิดห้องพักในรีสอร์ทใกล้เคียงจุดดังกล่าว ตำรวจชุดทำงานที่เฝ้าพฤติกรรมอยู่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที
จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริงชิงทรัพย์จริง เนื่องจากในวันเกิดเหตุเมาสุราและต้องการเงินเพื่อมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเคยโต้เถียงกับผู้เสียหายกรณีซื้อขายสินค้า ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว ผู้ต้องหา เดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพชี้จุดต่างๆ ท่ามกลางชาวบ้านกว่า 100 คน ที่มามุงดูหน้าตาคนร้าย หลังจากเสร็จการทำแผนตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.