วิกฤตินี้สาหัสนัก! ธุรกิจท่องเที่ยวพัทยา ส่อแววเจ๊งระนาวแม้รัฐยอมคลายล็อกบางส่วน

                นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ผู้บริหารโรงแรมในเครือซันชายน์กรุ๊ป และรักษาการประธานสภาอุตสาห กรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของเมืองพัทยาว่าปัจจุบันต้องยอมรับว่าการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทุกประเภทในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และทั่วประ เทศเป็นอย่างมาก  แม้ล่าสุดภาครัฐจะมีมาตรการผ่อนปรนสำหรับธุรกิจบางประเภท อาทิ ร้านอาหาร ร้านตัดผม สปา หรืออื่นๆ แต่รัฐและผู้ประกอบการเองก็คงต้องมีมาตรการเชิงรุกในการป้องกันเพื่อไม่ให้โรคกลับมาแพร่ระบาดอีก อย่างการคัดกรอง การตรวจวัดอุณหภูมิ การจัดสถานที่เปิดเพื่อให้เกิดการระบาย การลดพื้นที่บริการเพื่อแก้ปัญหาความแออัด โดยเฉพาะเรื่อง Social Distancing กรณีนี้ก็คงช่วยผู้ประ กอบการที่ประสบปัญหาให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้อีก

                ขณะที่สถานประกอบการอย่างโรงแรม สถานบันเทิง หรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ คงต้องใช้เวลารอไปก่อนเพราะเป็นสถานที่ๆ มีการชุมนุม แออัดและมีการสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาแก้สำหรับโรคไวรัสชนิดนี้ ดังนั้นแม้จะมีการผ่อนปรน หรือเปิดให้มีการท่องเที่ยวกลับมาใหม่ ก็คาดว่าสถานการณ์จะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวเองก็คงมีปัญหาในเรื่องของการเงินที่มีภาวะหยุดงานมานาน อีกทั้งการท่องเที่ยวก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต หรือแม้แต่ความมั่นใจในเรื่องของการแพร่ระบาดว่าจะสามารถควบคุมได้จริงหรือไม่ เรียกได้ว่าแม้จะเปิดทำการแต่ก็คงไม่มี Demand ที่จะมีซับพอร์ตเพื่อให้กิจการเหล่านี้เดินต่อไปได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นลักษณะนี้ไปอีกหลายเดือน กรณีนี้คาดว่าจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการประเภท sme คงต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระที่เกิดขึ้นได้ ทั้งเงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าสถาน ที่ และอื่นๆ

                 สำหรับเมืองพัทยากรณีของการ Lock Down นั้น ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องดี แต่จนถึงปัจจุบันต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่เกิดความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก และอาจทำให้การคัดกรองไม่เข้มข้นเหมือนแต่ก่อน ขณะที่ภาคแรงงานเองที่ภาครัฐไม่ได้ให้การเยียวยา ท้องถิ่นก็ควรต้องช่วยดูแลเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตและผ่านพ้นวิกฤติช่วงนี้ไปให้ได้ด้วย

                นายธเนศ กล่าวต่อไปว่า เมืองพัทยากลายเป็นเมืองท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2510 ผ่านพ้นมา 50 กว่าปี สถานการณ์เช่นนี้ต้องบอกว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่แน่อนาคตก็อาจเกิดขึ้นอีก ดังนั้นจะต้องถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนจะต้องปรับตัวและมีความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ส่วนที่ว่าเมืองพัทยาจะกลับมาเหมือนเดิมจะต้องใช้เวลาอีกสักเท่าไหร่นั้นคาดว่าน่าจะถึง 2 ปี เพราะแม้จะผ่อนคลายแต่ก็ไร้นักท่องเที่ยว และรูปแบบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ ก็จะเปลี่ยนเป็นลักษณะแบบครอบครัว หรือ FIT ในกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวกันเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไม่นิยมการท่องเที่ยวในภาคกลางคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน.