พลิกปูม “หนุ่มเมืองสองแคว” สู่…เก้าอี้ “ผกก.พัทยา” พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่
คลอดออกมา เป็นฝั่งเป็นฝาไปเรียบร้อยแล้ว?
โผแต่งตั้งโยกย้าย “เหล่าทัพสีกากี” แห่งภาคตะวันออก
กว่าจะลงตัวได้ ต้องบิด-คั้น-กลั่น-กรอง กันจนเบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำ!
ใครสมหวังก็ “ใจฟู” ส่วนผู้ที่ “อกหัก” ก็ต้องทำใจ….อย่าไปคิดเยอะ!
“ตำแหน่ง อยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป” ขอให้คิดบวกๆอยู่ที่ไหนก็ต้องรับใช้ชาติบ้านเมือง ดูแลประชาชน…
ทุกครั้งที่หมอตำแยทำคลอด “โผบูรพา” ลุ้นกันตลอดว่า พื้นที่วง “ไข่แดง” อย่าง “พัทยา” เมืองหลวงแห่งภูมิภาคตะวันออก ใครจะเป็นคนถูกเลือกให้คว้า “เก้าอี้” ตัวนี้ไปครอง
ด้วยเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ผู้คนร้อยพ่อพันแม่หลากหลายเชื้อสายเผ่าพันธุ์แห่มาอยู่กันแน่น แต่ละมื้อแต่ละเดย์สารพัดปัญหาร้อยแปดพันเก้า ไม่ว่าจะปัญหาอาชญากรรม,ยาเสพติด,ปัญหาสังคม รวมไปถึงด้านการจราจร ล้วนแล้วแต่ต้องเร่งกำจัดและสะสาง
คน “ทำถึง” เท่านั้น…คือผู้ที่ถูกเลือก!
พันตำรวจเอก เอนก สระทองอยู่ คือนายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจ มอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้มาดำรงตำแหน่ง “เรือธง”เป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา คนล่าสุด
เท่าที่ คลำแรงกระเพื่อมสังคม ชั่งน้ำหนักดู ถือว่าเป็นนายตำรวจ “น้ำดี” ท่านหนึ่ง
พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ เป็นชาวเมืองสองแคว พิษณุโลก เกิดที่อำเภอวัดโบสถ์ ในครอบครัวเกษตรกร พ่อแม่ทำไร่ทำนา มีพี่น้อง2คน พ.ต.อ.เอนก เป็นคนโต ส่วนคนสุดท้องเป็นน้องสาว
เริ่มอ่านออกเขียนได้ หลังจบชั้น ป.6 จากโรงเรียนวัดแถวบ้าน ก่อนไปเรียนต่อชั้นมัธยมในตัวอำเภอ แต่ด้วยวัยเด็กได้สร้างฝันเก็บเอาไว้ในใจ ประกอบกันเป็นคนเรียนเก่ง จึงตัดสินใจไปสอบเข้าเรียนระดับมัธยมปลายที่ “โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม” ด้วยความคิดที่ว่า หากจะเหลาสติปัญญาให้แหลมคมมากกว่าเดิม ต้องกล้าก้าวออกจาก “คอมฟอร์ทโซน” เข้าสู่รั้วโรงเรียนชายที่มีชื่อเสียงประจำจังหวัด
เพื่อวาดฝัน “นักเรียนนายร้อย ห้อยกระบี่”ให้เป็นจริง!
ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า พ่อกับแม่เกลียดตำรวจ ไม่ต้องการให้ลูกชาย ไปเป็นตำรวจ! อยากเห็นลูกเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย มากกว่าสวมเครื่องแบบที่พ่อแม่ไม่ปลื้มอย่างแรง!
เดือนตุลาคม ช่วงปลายเทอมสุดท้ายของ ม.6 โรงเรียนพลตำรวจนครบาล บางเขน เปิดรับสมัครบุคคลภายนอก สอบเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจ หนุ่มเมืองสองแควพร้อมกับเพื่อน 4-5 คน นั่งรถประจำทางลงมากรุงเทพฯ เพื่อยื่นใบสมัคร
ความคิดของเขาตอนนั้น โรงเรียนพลตำรวจฯ ไม่ใช่จุดหมายปลายทางดั่งที่ได้ตั้งหวังไว้ มันเป็นเพียงแค่ทางผ่าน หากสอบติดได้รับราชการเป็นตำรวจชั้นประทวนแล้ว บันไดขั้นต่อไปคือ จะใช้วุฒิการศึกษา ม.6 ซึ่งจะจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ต่อยอดทลายกำแพงขวางกั้น ผลักดันตัวเองเข้าสู่รั้ว “สามพราน”
แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับชีวิต สอบติดแต่ต้องเลือกระหว่าง รายงานตัวเพื่อเข้าฝึกเป็นนักเรียนพลตำรวจฯ หรือ ไปเรียนให้จบชั้น ม.6 ก่อน ในห้วงเวลาที่ตรงกัน
ทางสองแพร่ง ที่ต้องเลือกเดินมีเพียงหนึ่งเดียว เครื่องแบบกากี หรือ สีขาว !
หนุ่มจากอำเภอวัดโบสถ์ ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตอย่างแน่วแน่ เขาเลือกเดินบนเส้นทาง “สีกากี” อันมี “นัยแห่งชีวิต” ที่ยิ่งใหญ่กว่า เป็นเป้าล่อรออยู่เบื้องหน้า
แต่ทว่า ฝันที่วาดหวังแทบสลาย เมื่อพ่อกับแม่ ไม่เห็นด้วย ถึงกลับจะไม่ยอมมามอบตัวเขา เข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจฯ
“ถ้าผมสอบเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ได้ จะลาออกจากตำรวจให้พ่อกับแม่”
สัญญาลูกผู้ชาย ออกมาจากหัวใจของลูกผู้ชายที่ชื่อเอนก กลายเป็น “พันธสัญญา” อันยิ่งใหญ่ที่ให้ไว้ต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองท่าน!
หนุ่มเมืองสองแคว กอดวุฒิการศึกษา ม.3 ผ่านเข้าสู่รั้วโรงเรียนลูกผู้ชายแห่งทุ่งบางเขน แต่ความฝันมันยังไปไม่สุดทาง เขาตั้งใจเรียนและฝึกฝน จนกระทั่งครบ 1 ปี จึงจบออกมาสวมเครื่องแบบ ตำแหน่ง “พลฯสำรองพิเศษ”
เขาเป็นผู้เลือกเส้นทางชีวิตเอง ขอไปบรรจุลง “กองบินตำรวจ” เป้าหมายคือต้องการมีเวลา เพื่อไปเรียน “กศน” ต่อยอดด้วนของวุฒิ ม.6 ให้งอกกลับคืนมา เพื่อทำ “พันธสัญญา”ที่ได้ให้ไว้ต่อพ่อแม่สำเร็จลุล่วง
แต่หนทาง ไปยัง “จักรวาลดาว” มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ!
เมื่อ “โรงเรียนนายร้อยตำรวจ” ประกาศรับสมัครและสอบคัดเลือก ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ “นรต” ไม่ต่างไปจากน้ำทิพย์ชโลมราด เพราะมันคือความหวังเดียว ที่จะไม่ต้องถอดเครื่องแบบ ถ้าทำได้…
สอบครั้งแรก พกความตั้งใจไปเต็มร้อย กะว่าสอบผ่านแบบม้วนเดียวจบ! แต่กลับต้องแบกความผิดหวังกลับมา เพราะผลสอบที่ออกมา แค่“เกือบได้”
นักสู้จากแผ่นดินนักรบ ยังไม่ยอมสยบต่อความพ่ายแพ้ ยังมี “นัดล้างตา” ให้แก้ตัวในปีต่อมา ผลที่ออกมาคือ “เกือบได้”เหมือนครั้งแรก
ในการสอบครั้งที่สาม ทุกความพยายาม ถูกงัดมาต่อกรกับ “ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก”ความรู้ที่มีอยู่เต็มพุง ถูกลำเลียงออกมา ใช้เป็นขีปนาวุธทางปัญญา สนามสอบรอบสามจึงมีความสำคัญ ถ้าไม่ผ่าน นั่นหมายถึงท่อต่อลมหายใจใกล้ตีบเต็มทน
ผลที่ได้…คือ ไม่ผ่าน!
คำว่า “ความสำเร็จ มาจาก ความพยายาม แต่ทุกความพยายาม ไม่ได้การันตีด้วยความสำเร็จ” มันเป็นสัจธรรมอันถ่องแท้
แต่ยังไม่ยอมถอดใจ ยังเหลือ “แมตช์” สุดท้ายให้ปะทะ เขาลงสู่สนามสอบครั้งที่ 4 ปีสุดท้าย เพราะอายุใกล้ครบเกณฑ์ พอเข้าวัยเบญจเพส 25 ปี ก็จะหมดสิทธิสอบตามข้อกำหนดในคุณสมบัติ
พลฯสำรองพิเศษ เอนก สระทองอยู่ แบกความบากบั่น มุ่งมั่น ไม่เคยหวั่นไหว ตั้งสติสู้กับใจของตัวเองในสนามสอบชิงดำ ที่เดิมพันด้วยเครื่องแบบกากี ซึ่งเขาแลกมาด้วยหัวใจเสริมใยเหล็ก
สมรภูมิสอบสุดท้าย…หัวเด็ดตีนขาด พลาดไม่ได้ !
เพราะ “แสวงหา”มิใช่ เพราะรอคอย
เพราะ “เชี่ยวชาญ”มิใช่ เพราะโอกาส
เพราะ “สามารถ”มิใช่ เพราะโชคช่วย
“ลิขิตฟ้า หรือ จะสู้มานะตน” ปรมาจารย์จอมปราชญ์ “ขงเบ้ง”แห่ง “สามก๊ก”เป็นผู้ที่กล่าวไว้…
แล้วในที่สุด “ผลสอบ” ก็ชี้ชะตา….ให้ พลฯสำรองพิเศษ เอนก สระทองอยู่ ก้าวข้ามกำแพงพันธสัญญา “คุณได้ไปต่อ”….
ชีวิตของคนแบกโลก รู้สึกเบาโล่ง เหมือนยกภูเขาที่กดทับออกพ้นไปจากอก
“เอนก สระทองอยู่” จารึกชื่อลงบนแผ่น “จักรวาลแห่งดาว” เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (น.62) รุ่นที่ 50 หรือ “นรต.50” ได้อย่างสง่างาม
ชีวิตบนเส้นทางใต้ผืนฟ้าอาณาจักรดาวเงิน สุดโลดแล่น แสนพลิกผัน….
กว่าจะมาเป็น “เรือธง” โรงพักพัทยา…. ในวันนี้ วิถีตำรวจหนุ่มไฟแรง…ไม่ธรรมดา!
สิงห์ ป่าสัก
อั๋น พันดาว รายงานพิเศษ
#ข่าววันนี้
#อั๋นพันดาว
#ข่าวเด่นวันนี้
#ข่าวอธิปบูรพา
#ข่าวเมืองพัทยา
#ข่าวจังหวัดชลบุรี
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
#สำนักงานตำรวจภูธรภาค2
#สถานีภูธรตำรวจเมืองพัทยา
#พตอ_เอนก_สระทองอยู่
#หนังสือพิมพ์อธิปบูรพาออนไลน์
#พลิกปูม_หนุ่มเมืองสองแคว_สู่_เก้าอี้_ผกก_พัทยา_พตอ_เอนก_สระทองอยู่