เจอจังๆ บุกรุกขุดปรับหน้าดินภูเขา พื้นที่ทรงสงวนกองทัพเรือ กว่า 50 ไร่ แนวเขาช่องลมสัตหีบ ประสานฝายปค.ท้องถิ่นแจ้งความดำเนินคดี
จากกรณี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2568 นาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่กองช่าง และงานเทศกิจเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อบต.พลูตาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเดินทางไปตรวจสอบแนวเขา พื้นที่หมู่ที่ 11 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อบต.พลูตาหลวง และเทศบาตำบลเกล็ดแก้ว หลังมีประชาชนร้องเรียนว่า พบมีการขุดดินถมดินในพื้นที่ มีการนำรถแบ็คโฮ เข้ามาขุดและใช้รถสิบล้อขนดินในพื้นที่ทรงสงวนของกองทัพเรือออกไป
จากการตรวจสอบพบพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในบริเวณกลางหุบเขา มีถนนลูกรังและเสาไฟฟ้าปูนปักเข้าไปตามถนน จากปากทางเข้าไป ประมาณ 2 กม. ภายในพื้นที่มีการขุดดินปรับพื้นผิวหน้าดินขนาดใหญ่ บริเวณชายเขา พบร่องรอยการใช้รถแบ็คโฮขุด แต่ไม่พบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าว ส่วนรถแบ็คโฮและรถสิบล้อ ได้เคลื่อนย้ายออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบจะมาถึงเพียง 10 นาทีเท่านั้น
จากนั้นเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ห้องประชุม กองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ประชุมร่วมกับตัวแทนจาก อำเภอสัตหีบ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาสัตหีบ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว และ อบต.พลูตาหลวง เพื่อรวบรวมหลักฐาน หลังจากแต่ละหน่วยงานราชการที่เข้าร่วมประชุม ได้ข้อมูลในเบื้องต้นแล้ว และจากการตรวจสอบของ จนท.ของกองอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงพื้นที่เก็บค่าพิกัดทั้งหมดตามโฉนดเอกสารสิทธิ์ที่ดินจำนวน 3 แปลง ประมาณ 47 ไร่ แต่พบว่ามีการใช้ประโยชน์นอกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน รวมถึงการบุกรุกเขาและพื้นที่ทรงสงวนอีกกว่า 50 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ชาวบ้านได้ส่งรูปถ่าย วิดีโอ มีเครื่องจักรกำลังขุดเขาและทำประโยชน์ในพื้นที่เป็นวงกว้าง ซึ่งจะได้มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ร่วมกับทางเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว และ อบต.พลูตาหลวง กับสถานีตำรวจในพื้นที่นั้นๆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการประชุมในครั้งนี้ หลังจากได้มีการกลับไปตรวจสอบพบว่ามีการบุกรกที่เขา และปริมณฑลเขา 40 เมตร และพื้นที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยการใช้เครื่องจักร ปรับแต่งขนย้ายดินออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีการขออนุญาตปลูกสร้างในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์และที่ดินที่มีการครอบครอง พร้อมประสาน กรมประมงเข้าตรวจสอบใบอนุญาตในการเลี้ยงสัตว์อันตราย (จระเข้) ว่ามีหรือไม่และจะต้องตรวจสอบถนนทางสาธารณประโยชน์ที่ตัดผ่านพื้นที่เขาและปริมณฑลเขากว่า 40 เมตร รวมถึงพื้นที่ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยการแจ้งการครอบครองที่ดินที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน และการขออนุญาตจับจองทำประโยชน์ในที่ดินในในเขตทรงสงวน และจะได้มีการตรวจสอบ การได้มาของที่ดินที่อ้างกรรมสิทธิ์ว่า ได้รับการอนุญาตจากกองทัพเรือ ถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ด้านนาวาเอก อธิคม เลาหะกุล ผู้อำนวยการกองอสังหาริมทรัพย์ ฐานทัพเรือสัตหีบ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีการบุกรุกขุดดินในพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ภูเขา ทางหน่วยงานราชการได้บูรณาการเข้าตรวจสอบ โดยมีฐานทัพเรือสัตหีบ เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว อบต.พลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ ที่ดินอำเภอสัตหีบ เข้าไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว เบื้องต้น มีการพูดคุยในรายละเอียด การทำแผนที่พบว่า มีการบุกรุกเข้าไปขุดดินในพื้นที่ที่เป็นภูเขาทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก ถือว่าเป็นการบุกรุกถือครองในที่ดินที่ตัวเองไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ เป็นพื้นที่ทรงสงวนและพื้นที่ภูเขา กองทัพเรือจะแจ้งความดำเนินการ ตามที่หน่วยงานนั้นๆ เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับในการเลี้ยงสัตว์ดุร้าย สัตว์อันตราย เช่น จระเข้ จะได้มีการประสานกรมประมงเข้าตรวจสอบ ส่วนการมีใบอนุญาตรวมไปถึงการปลูกสร้างอาคาร ขุดดินถมดินต่างๆ ทางท้องถิ่นจะได้ตรวจสอบ หากไม่มีการขออนุญาต จะดำเนินตามระเบียบข้อกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น มีผู้ถือครองที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ ประมาณ 47 ไร่ แต่ได้มีการทำประโยชน์ในที่ดินเกือบ 100 ไร่ รวมทั้งที่ลาดชันและที่ภูเขา ซึ่งจะตรวจสอบทั้งหมดอย่างละเอียด ร่วมกับสำนักงานที่ดินสัตหีบ ต่อไป