วันพฤหัสบดี, มีนาคม 6, 2025
Latest:

ผบช.ภาค 9 แถลงจับกุมคดีอาชญากรรมใน3 จชต.คืบหน้าคาร์บอมบ์ที่ปัตตานี ชี้คนร้ายพยายามก่อเหตุร้ายต่อเนื่อง

ที่ ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา (13 ส.ค.2567) พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รองแม่ทัพภาคที่ 4 นายโอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ผู้บังคับการตำรวจภูธรทั้ง 4 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ สงขลา เข้าร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติ

ทั้งนี้ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สังการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด กวดขันงานด้านป้องกันปราบปราม และเร่งรัดติดตามผู้กระทำผิด กรณีเกิดเหตุประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงนโยบายด้านการบังคับใช้กฎหมายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ยึดหลักการปฏิบัติตามหลักของกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน โดยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตำรวจภูธรภาค 9 ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามนโยบาย

การแถลงผลการปฏิบัติที่สำคัญ ในพื้นที่ของ ตำรวจภูธร ภาค 9 ดังนี้

1. เหตุใช้อาวุธปืนภายในสวนผลไม้พื้นที่ ต.หน้าถ้ำ อ.เมืองยะสา จ.ยะลา เหตุเกิดบริเวณสวนทุเรียน หมู่ที่ 5 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 04.00 น. คดีนี้หลังได้รับแจ้งเหตุชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบวัตถุพยานเป็นกระสุนลูกปรายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ มีเต็นท์ที่พักอยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าว ทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือคนเฝ้าสวนทุเรียนที่เกิดเหตุซึ่งหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ จึงได้ประสานความร่วมมือกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ติดตามตัวมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
จนในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้ก่อเหตุ คือ นายบะห์ฮารี มาหะมะลี ได้เข้ามอบตัวต่อชุดสืบสวน พร้อมนำอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้ตรวจยึดเป็นของกลาง สาเหตุเกิดจากมีคนร้ายเข้าไปลักทุเรียนในสวนอยู่บ่อยครั้ง ผู้ก่อเหตุจึงได้ไปนอนเฝ้าสวนและพบว่าผู้บาดเจ็บเข้าไปลักทุเรียนภายในสวน จึงก่อเหตุดังกล่าว

2. เหตุใช้อาวุธปืนต่อเยาวชนพื้นที่ ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา เหตุเกิด บริเวณหน้าศูนย์ซ่อมบำรุงเอไอเอส ถ.สายตือเบาะ-ปารามีแต เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 เวลาประมาณ 23.45 น. คดีนี้ถือเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมากและผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชน ผบช.ภ.9 และ ผบก.ภ.จว.ยะลา สั่งการให้สืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยด่วน ชุดสืบสวน สภ.เมืองยะลา ร่วมกับกก.สส.ภ.จว.ยะลา ได้ดำเนินตรวจสอบกล้องวงจรปิดและติดตามคนร้ายก่อเหตุ กระทั่งสามารถจับกุมตัวนายอาดือนัน เฮงเลาะ ผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนและตรวจยึดรถจักรยานยนต์คันที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุไว้เป็นของกลาง ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ได้นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว

มูลเหตุในคดีนี้เกิดจากความโกรธที่เพื่อนของผู้ก่อเหตุถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 เวลาประมาณ 20.00 น. เหตุเกิดบริเวนแยกแฟลต นปพ. ต.สะเตง อ.เมืองยะลา โดยผู้ก่อเหตุเข้าใจว่าสมาชิกในกลุ่มของผู้ตายเป็นผู้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงเพื่อนของตน ซึ่งคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

3. เหตุคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกระเบิดจอดหน้าอาคารที่พักของข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เหตุระเบิดแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา ด้วยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เวลา 10.13 น. เกิดเหตุคนร้ายนำรถยนต์ประกอบระเบิดมาจอดที่บริเวณอาคารบ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา และเกิดระเบิด เป็นเหตุให้ น.ส.รอกีเย๊าะ สาระนะ ราษฎรที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเสียชีวิต 1 ราย ตำรวจและประชาชน ได้รับบาดเจ็บรวม 55 ราย

จากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวถูกคนร้ายลักมาจาก อบต.ธารโต ในช่วงค่ำคืนก่อนเกิดเหตุ จากนั้นได้นำไปซุกซ่อนในพื้นที่ บ้านบือชู ต.บันนังสตา ก่อนนำมาก่อเหตุในวันรุ่งขึ้น จากการตรวจพิสูจน์วัตฤพยานในที่เกิดเหตุพบว่า เชื่อมโยงเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 16 เหตุการณ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการสืบสวนและบูรณาการกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับดำเนินคดีได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายมาหะมะดอสี บาเกาะ (ทำหน้าที่สั่งให้ช่างปิดแผงควบคุมไฟกล้องวงจรปิดภายใน อบต.ธารโต เพื่อให้ความสะดวกกับชุดที่มาลักรถยนต์ไปประกอบระเบิด) และนายอีดาบาตุลลอฮ หะยีเจ๊ะเต๊ะ (ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางบริเวณฐานทหารในเส้นทางที่รถยนต์คันประกอบระเบิดขับผ่านไปก่อเหตุ) กันเป็นพยาน 1 ราย

นอกจากนี้ จากการขยายผลการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่านายอีดาบาตุลลอฮ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิงและลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.บาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา และยังพบว่ามีการสำรวจพื้นที่เตรียมก่อเหตุในพื้นที่ อ.บันนังสตา อีกหลายจุด ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งหน่วยพื้นที่ดำเนินการพิสูจน์ทราบและแจ้งเตือนกำลังพลให้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ สำหรับนายอีดาบาตุลลอฮ เคยถูกจับกุมในคดีเผารถยนต์โดยสารกรุงเทพ-เบตง ในพื้นที่ สภ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 ซึ่งศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษ แต่ยกฟ้องในชั้นอุทธรณ์และฎีกา หลังได้รับการปล่อยตัวพบว่ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่และมาก่อเหตุในคดีดังกล่าว

4. เหตุใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 04.30 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.หาดใหญ่ กำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดอยู่บริเวณแยกโรงปูน ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีคนร้ายขับรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลตรุ่น อาวีโอ สีดำทะเบียน ขล404 สงขลา ฝ่าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ไประหว่างที่เจ้าหน้าที่สายตรวจได้ติดตามไปถึงบริเวณวัดอัมพวัน ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ขับหลบหนีไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ร่วมกับ บก.สส.ภ.9 และ กก.สส.ภ.ภ.จว.สงขลา ลงพื้นที่ตามหาผู้ครอบครองรถ จนได้พบกับผู้ครอบครองรถที่พักอาศัยอยู่ที่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ผู้ครอบครองรถได้ให้การว่าได้ขายรถดังกล่าวไปแล้ว และได้ขายต่อไปเป็นทอดๆ จนสืบทราบว่าผู้ครอบครองคนล่าสุดคือ นายอำนาจ แก้วมณี จากนั้น วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 08.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจค้นบ้านของนายอำนาจ ที่ ถนนเลียบคลองชลประทาน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนตัดแปลงและกระสุนจำนวนหนึ่ง

จากการซักถาม นายอำนาจ ให้การว่า นายอำนาจได้ให้รถยนต์คันก่อเหตุไปกับ นายวรากร หรือโหลน แก้วมณี นำไปใช้ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองและได้นำตัว นายอำนาจ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม2567 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านของ นายวรากร หรือโหลน แก้วมณี ใน ม.12 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา พบรถยนต์คันก่อเหตุจอดอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง

จากนั้นจึงได้สอบถามยายของ นายวรากร ให้การว่า นายวรากร เป็นคนมาจอดทิ้งไว้แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ นายวรากร จากศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.515/2567 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2567) ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่านายวรากร หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านญาติของแฟน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าปิดล้อมพื้นที่และจับกุม นายวรากร ได้ที่บ้านใน ม.3 ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พร้อมทั้งตรวจยึดอาวุธปืนสั้นขนาด 11 มม. ยี่ห้อ colt ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุและเครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 23 นัด และยังตรวจพบยาบ้าจำนวน 41 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 1.24 กรัม เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

5. เหตุบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 คดี ผลการปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายติดตามกลุ่มก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้คนร้ายในกลุ่ม ผกร. เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ บ้านไอร์ลาฆอ ม.5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส พฤติการณ์ในคดี เมื่อวันที่ 7 ส.ค.2566 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่ม ผกร. ได้มาหลบซ่อนในพื้นที่บ้านไอร์ลาฆอ ม.5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จึงประสานส่วนที่เกี่ยวข้องมาประชุมวางแผน เพื่อเข้าปฏิบัติต่อเป้าหมาย

ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 เวลาประมาณ 05.00 น. ได้เข้าปฏิบัติต่อเป้าหมายในพื้นที่ บ.ไอร์ลาฆอ ขณะที่ จนท.ชุดปฏิบัติ เข้าบังคับใช้กฎหมาย ตรวจค้น ได้เกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จนเป็นเหตุให้ จนท.ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และคนร้ายในกลุ่ม ผกร. เสียชีวิต 1 ราย ความเสียหายต่อชีวิต จนท. ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.วีรศักดิ์ พันโส อายุ 31 ปี โดนยิงบริเวณสะโพกข้างซ้าย ความเสียหายต่อชีวิต คนร้ายที่เสียชีวิต 1 ราย คือ นายอัมรี อายุ 43 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 7 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส

ผลการดำเนินการตรวจยึดของกลาง จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.ปืนยาวลูกซองเดี่ยว (REMINGTON) แบบปั้มแอ๊คชั่น ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 2.ระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 1 ลูก 3.กระเป๋าเป้สนามพร้อมอุปกรณ์ดำรงชีพในป่า ผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พบประวัติฯ 8 คดี ได้แก่ 1.เหตุยิงราษฎรได้รับบาดเจ็บ 2 ราย พื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2558 2.เหตุชุ่มยิงจนท.ทพ. ร้อย ร.1102 เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย พื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2558 3.เหตุลอบวางระเบิดและยิงใส่ ทพ.4513 เสียชีวิต 2 นาย พื้นที่ อ.ระแงะ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564 4.เหตุขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนยิง จนท.ทพ. 4914 พื้นที่ อ.จะแนะ บาดเจ็บ 1 เสียชีวิต 1 นาย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2565

5.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าและยิงราษฎรหาของป่า พื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 6.คนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิงจ้าหน้าที่ ชคต.ศรีสาคร บาดเจ็บ 2 นาย และชีวิต 1 นาย พื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 7.คนร้ายลอบวางระเบิดและใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ คนหาของป่า เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.66 8.เหตุ เจ้าหน้าที่ปะทะ ขณะเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณบ้านพักในพื้นที่บ้านไอร์ลาฆอ หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567

ส่วนประวัติ ผู้ก่อความไม่สงบ ผู้เสียชีวิต 1.เคยถูกควบคุมตัว และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิงคนร่อนทองเสียชีวิต จำนวน 4 ศพ พื้นที่ บ.น้ำตก ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2561
โดยถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2561 ณ กรม ทพ.46 2.ตรวจพบ DNA ของผู้เสียชีวิต เชื่อมโยงจำนวน 2 เหตุ ได้แก่จากเหตุตรวจพบหลุมระเบิดฯ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4207 พื้นที่บ้านไอร์โช หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2567 และ เหตุเจ้าหน้าที่ปะทะ ผู้ก่อความไม่สงบ และ เหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย พื้นที่ บ้านไอกูเล็ง หมู่ที่ 3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4-5 ก.ค.2567 และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลส่วนเกี่ยวข้องต่อไป.