รวบโจรสารพัดช่างพกมีดค้อนติดตัวก่อเหตุทุบกระจกตู้โชว์ทองโรงรับจำนำ กวาดทองคำกว่า13 บาท
จากกรณีคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ กลางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน สวมถุงเท้าและสวมรองเท้าแตะสีดำ สวมหมวกกันน็อคสีฟ้า เดินตรงเข้ามาในโรงรับจำนำแม่วรรณี เลขที่ 253 ม.5 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แล้วใช้อาวุธทุบบริเวณตู้กระจกจนแตก ก่อนวาดเอาทองคำรูปพรรณไปจำนวน 13 บาท หลังจากนั้นคนร้ายได้รีบวิ่งออกไปขี่รถจักรยานยนต์ ที่นำมาจอดบริเวณหน้าร้าน หลบหนีไป โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน เหตุเกิด เมื่อเวลา 15.20 น.วันที่ 31 มกราคม 2565
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกุล ผกก.สภ.ศรีราชา พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิสิษฐ์ ตั้งศิริเสถียร รอง ผกก.ส.สภ.ศรีราชา พ.ต.ท.ยงยุทธ หวานเหนือ สว.สส.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ควบคุมตัวนายพงษ์พันธ์ ทิพยวัฒน์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 277 ม.5 ต.หนองปลิง อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร ในข้อหา ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าไม่ได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือพ้นการจับกุม พร้อมด้วยเสื้อผ้าที่ใช้ในวันที่ก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 110 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 2กภ 4961 ชลบุรี รวมถึงของกลาง เป็นทองคำ เหลืออยู่ 3 บาท นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดเกิดเหตุ
จากการสอบสวน นายพงษ์พันธ์ ทิพยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองไม่มีอาชีพ ตกงานมานานแล้ว ระหว่างที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมายังโรงรับจำนำ แล้วเห็นว่าหน้าร้านเป็นประตูกระจกและเปิดอยู่ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่อยากได้เงิน จึงตัดสินใจเลี้ยวรถจักรยานยนต์เข้าไปก่อเหตุทันที
ส่วนอาวุธมีดและค้อนนั้น นายพงษ์พันธ์ ระบุว่าพกติดตัวไว้อยู่แล้ว ในขณะเดียวกันตนเองยืนยันว่าไม่รู้จริงๆ ว่ากระจกตู้โชว์ทองคำ บานด้านข้าง ที่ตนเองทุบนั้นไม่ใช่ตู้นิรภัย และหลังจากที่ก่อเหตุ ตนเองได้รีบนำทองคำที่ลักขโมยมาไปเก็บซ่อนไว้ที่ห้องพัก บริเวณสะพานสวนเสือศรีราชา ด้วยความเร่งรีบ ส่งผลให้ทองคำบางส่วนตกหายไป ก่อนที่ในวันรุ่งขึ้น ได้นำทองคำไปขายจำนวนหนึ่ง และเหลือทองคำติดตัวอยู่ 3 บาท กระทั่งถูกตำรวจมาจับได้ที่ห้องพัก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปชี้ยังจุดเก็บซ่อนทองคำ และร้านทองที่คนร้ายนำไปขาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุ ว่าทำทองคำบางส่วนหล่นหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งตามหาทองคำที่เหลือ เพื่อรวบรวมหลักฐาน ส่งตัวผู้ก่อเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.