เหวอเลย! รองปลัดเมืองพัทยา เตรียมแจ้งความหลังเจอสกัด ห้ามเข้าสำรวจรื้อถอนอาคารสร้างรุกที่สาธารณะ

หลังจากเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา เมืองพัทยา ได้ส่งเจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยาเข้า ปิดหมายคำสั่งตามความผิดของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารเพิ่มเติมอีก 2 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร ค.ส.ล.ขนาด 5 ชั้น ในพื้นที่ประมาณ 193×220 เมตร โดยปิดหมายตามคำสั่ง ค.3 เพื่อให้ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลงอาคาร , ค.4 เพื่อห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใช้อาคารที่อาจเป็นอันตราย และ ค.10 เพื่อให้ดำเนินการยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร โดยระบุว่ามีอาคารบางส่วนมีพื้นที่เกินเข้ามาในพื้นที่ดินสาธารณะริมทะเล ขณะที่ตามกฎหมายควบคุมอาคารแล้ว อาคารขนาดใหญ่จะต้องมีการกันแนวเขตจากขอบที่ดินเข้าไปโดยรอบในระยะ 6 เมตร พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ขึงแผ่นผ้ากันแนวเขตไว้เป็นหลัก ฐาน ส่วนอีก 1 อาคาร เป็นอาคาร ค.ส.ล.สูง 6 ชั้น ขนาด 35×92 เมตร โดยปิดหมายตามคำสั่ง ค.3, ค.4 และ ค.9 เพื่อให้ยื่นคำร้องโดยทำการปิดประกาศไว้ พร้อมขึงแผ่นผ้าพลาสติกแสดงสัญลักษณ์ไว้ เพื่อเป็นหลักฐานไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่18 พ.ค. นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ คงเขียว นายตรวจเขต สำนักการช่างเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่กิจการพิเศษ ลงพื้นที่เพื่อขอเข้าตรวจสอบอาคาร 2 อาคารบ้านสุขาวดี เพื่อประเมินราคาค่ารื้อถอนอาคาร หลังคำสั่งต่างๆที่ปิดไว้ครบกำหนดและไม่มีการคัดค้านและไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าหน้าที่เมืองพัทยาแต่อย่างใด

นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา กล่าวว่าสำหรับการลงพื้นที่บ้านสุขาวดีในครั้งนี้ เนื่อง จากที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้มีการออกคำสั่งใน 2 อาคาร ของบ้านสุขาวดี คือ อาคาร ค.ส.ล.ขนาด 5 ชั้น และอาคาร ค.ส.ล.สูง 6 ชั้น เพื่อให้ยื่นคำร้อง แต่ด้วยที่ผ่านมาเจ้าของอาคารไม่ได้มีการมายื่นขออุทธรณ์คำสั่งของเมืองพัทยา โดยหลังครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เมืองพัทยาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินตามขั้น ตอนกฎหมายต่อไป ด้วยการเข้าสำรวจอาคารทั้ง 2 อาคารว่าตัวอาคารมีบริเวณแนวเขตการรุกล้ำที่สาธารณะและมีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างไร เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาคารและทำการประเมินราคาค่ารื้อถอน ก่อนจะแจ้งให้เจ้าของอาคารได้รับทราบและหาผู้รับจ้างเข้ามารื้อถอนอาคารต่อไป

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการของเมืองพัทยานั้นจะทำตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยได้รับนโยบายจากนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนการเข้าในครั้งนี้ก็ทำตามขั้นตอนของกฎหมายตามอำนาจเจ้าหน้าที่ของนายตรวจเขตที่มีในการเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่มีการก่อสร้างตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แต่กลับพบว่ามีตัวแทนจากบ้านสุขาวดีมาแจ้งไม่ให้ทางนายตรวจเขตเข้าไปสำรวจอาคารที่คำสั่งครบกำหนดระยะเวลาแล้ว โดยแจ้งว่ามีสิทธิที่จะไม่อนุญาตให้ดำเนินการได้

รองปลัดเมืองพัทยา กล่าวต่ออีกว่าทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมืองพัทยาจะไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บางละมุง ไว้เป็นหลักฐานต่อการปฏิเสธในการไม่รับอนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบอาคารดังกล่าว พร้อมทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายเมืองพัทยาจะหารือกับอำเภอบางละมุง เพื่อร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป