ตำรวจนาจอมเทียนสนธิกำลังเทศบาล-เจ้าท่าฯ จัดระเบียบชายหาดจอมเทียน หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกลางถนน
จากกรณีเมื่อวันที่ 17 พ.ค.2568 ที่ผ่านมามีการโพสต์คลิปพ่อค้าแม่ค้ากำลังชุลมุนต่อยตีกันกลางถนน ท่ามกลางความตกใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่อยู่ในบริเวณหน้าร้านอาหารชื่อดัง ชายหาดนาจอมเทียน ม.1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุมและจัดระเบียบพื้นที่ริมชายหาด เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยและยกระดับภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว
ดังนั้น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยเมศร์ ไชยวรรณรุจน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ประกาศ มานาม สวป. และ พ.ต.ท.บุญเสริม เงินพรวน สว.อก. รรท. สว.จร. ร่วมกับ นางสาวระพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน และนายชุติพงศ์ สุระชลภูมิ เจ้าพนักงานตรวจท่าชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และแนะนำแนวทางการตั้งร้านค้าริมหาดให้เหมาะสมและไม่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ โดยเจ้าหน้าที่ร่วมกันชี้แจงแนวทางการดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ พร้อมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร่วมมือในการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของชายหาด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ การจัดระเบียบในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวในเขตนาจอมเทียน และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวายซ้ำอีกในอนาคต
พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาจอมเทียน กล่าวว่า ตำรวจจะลงมาควบคุมการจอดรถในที่ห้ามจอด เช่น บริเวณที่ติดป้ายห้ามจอดรถ หรือ ห้ามอยู่ในรถ ส่วนการค้าขายทั้งหมดนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายเทศบาลในการดำเนินการ ส่วนตำรวจนั้นเป็นองค์ประกอบหนึ่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกันดูแล
ผกก.สภ.นาจอมเทียน กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุการณ์ที่มีการทะเลาะวิวาทกัน เป็นเรื่องของกฎหมายอาญา ตอนนี้ตั้งข้อหาหนักในการชุลมุนต่อสู้ เพราะถ้าแจ้งแค่ทะเลาะวิวาทจะปรับแค่พันเดียว แต่ชุลมุนต่อสู้ โทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ตอนนี้ให้ประกันตัวคนละ 10,000 บาท ทั้งสองฝ่าย ต่อไปนี้จะลงพื้นที่ตรวจพร้อมกัน มีตำรวจ นายกเทศมนตรี จะเน้นเรื่องการจัดระเบียบว่าให้หยุดขายของในพื้นที่ที่ห้ามขาย ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ส่วนในวันนี้ตำรวจลงพื้นที่ด้วย เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่เข้มแข็ง หรือไม่มีใครดูแล ตำรวจสามารถลงมาช่วยทำงานร่วมกันได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับภาระไปทั้งหมด