ผู้การชลบุรีแถลงรวบแก๊งปล้นบ้านชาวจีน ปิดคดีแบบถอนรากถอนโคน จับเพิ่มอีก 1 ราย รับทำบัญชีม้า
จากกรณีชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คดีปล้นบ้านคนจีน ประกอบด้วย นายสราวุธ สุธาพจน์ หรือเบียร์ อายุ 31 ปี หรือ ฉายา “เบียร์ กอไผ่” หัวโจก คนวางแผนปล้น นายนครินทร์ แซ่เตียว หรือ นิว อายุ 26 ปี นายวันชัย กรีดกราย หรือ เอ็ม อายุ 27 ปี พร้อมของกลาง เป็นอาวุธปืน และทรัพย์สินบางส่วน ของผู้เสียหายชาวจีน โดยจับกุมได้ที่แนวตะเข็บชายแดน ช่องทางธรรมชาติ ใกล้กับ ด่านชายแดนอรัญประเทศ (ด่านปอยเปต) ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 พ.ค.2566 ที่ ห้องประชุมชั้น 3 ของ สภ.เมืองพัทยา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกสร ผกก.ตม.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวปิดคดีนี้ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้ เป็นบูรณาการในการทำงานหลายฝ่าย ทั้งตำรวจในสังกัดภูธรจังหวัดชลบุรี ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว และ ในพื้นที่เขตพรมแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว และ จ.จันทบุรี จนสามารถจับกุม กลุ่มผู้ต้องหา ในคดีปล้นบ้านคนจีนรายนี้ได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ยังจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 1 คน เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 พ.ค.2566 คือ นายอาทิตย์ สีดอกบวบ หรือ แบงค์ อายุ 22 ปี มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ รับหน้าที่เปิดบัญชีม้า ที่กลุ่มผู้ต้องหาบังคับให้ผู้เสียหายชาวจีนโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายอาทิตย์ แต่นายสราวุธ สุธาพจน์ หรือเบียร์ เป็นคนถือบัตรเอทีเอ็ม หลังจากผู้เสียหายมีการโอนเงิน นายเบียร์ ได้นำไปกดเงิน แล้วหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชาทันที โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอาทิตย์ว่า เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566
พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวอีกว่า คดีนี้ตำรวจสามารถปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งคนวางแผน คนลงมือก่อเหตุ และคนร่วมขบวนการทั้งหมด เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องอื่นของสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหายังยืนยันว่า เป็นเรื่องของการประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนเรื่องพริตตี้ ที่ถูกต้องข้อสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.