เคาะแล้ว! ระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยารองรับ EEC “โมโนเรล” สายสีเขียว ระยะ 9 กม.เหมาะสุด
ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระ ทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยาในรูปแบบรถไฟฟ้า พร้อมด้วย นายพงศ์ทวี เลิศปัญญาวิทย์ ผู้จัดโครงการฯ ร่วมชี้แจง โดยมีหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยา เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น
นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่าเนื่องจากเมืองพัทยาเป็นเมืองหนึ่งที่มีศักยภาพในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาการจราจรและขนส่ง โดยเฉพาะบริเวณกลางเมืองซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากการเจริญเติบโตของเมืองพบว่าสาเหตุหลักของปัญหาการจราจรและขนส่งในเมืองพัทยาคือ ระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงพอ ส่งผลให้มีประมาณการเดินทางด้วยยานพาหนะส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาการจราจรและการขนส่ง ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศและทางเสียง
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับการเดินทางในเมืองพัทยาให้ครอบคลุมทั้งที่พักอาศัยและแหล่งกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ก่อนจะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 พบว่าเมืองพัทยามีประชากรและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มจะเติบโตมากยิ่งขึ้น หากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง ดัง นั้นจะต้องดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพสูง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองและเป็นการป้องกันการจราจรการขนส่งในตัวเมืองพัทยาในอนาคต ภายใต้กรอบนโยบายของการพัฒนาการขนส่งระ บบรางเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ส่วนภูมิภาคที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาอุตสาหกรรมในการลดความต้องการใช้ยาพาหนะส่วนบุคคล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องสอดคล้องกับโครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันนออก(EEC) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไกลขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต เมืองพัทยาจึงได้จ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยาในรูปแบบรถไฟฟ้า ในงบประมาณการศึก ษาจำนวน 70 ล้านบาท เพื่อจัดทำแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและโครงข่ายในเขตเมืองพัทยาและเชื่อม ต่อพื้นที่โดยรอบให้มีศักยภาพทางด้านการคมนาคมขนส่งเศรษฐกิจและกรรท่องเที่ยวในรูปแบบรถไฟฟ้า เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนำเสนอโครงการเพื่อจัดหางบประมาณการก่อสร้าง หรือในการร่วมลงทุนกับเอกชน ตามประการของคณะกรรมการ EEC ต่อไป
ด้านนายพงศ์ทวี เลิศปัญญาวิทย์ ผู้จัดโครงการศึกษาฯ กล่าวว่าจากนโยบายของคณะกรรมการ EEC ที่มีแผนในการพัฒนา 3 พื้นที่หลักได้แก่ ระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยตั้งเป้าหมายในการพัฒนาหลายด้าน อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และระบบโลจิสติกส์ รวมทั้งการผลักดันให้เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก จึงต้องมีการวางแผนขับเคลื่อนการพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนของนโยบายหลักของ EEC โดยเฉพาะระบบโครงข่ายด้านขนส่งสาธารณะในเมืองที่เชื่อมต่อกับระบบหลัก จึงได้กำหนดให้มีการศึกษาการจัดทำระบบขนส่งสาธารณะแบบรถไฟฟ้าในเมืองพัทยาขึ้น ซึ่งจากการศึกษาได้กำหนดรูปแบบของรถไฟฟ้าไว้ 3 ประเภท ได้แก่ แบบบนพื้นถนนหรือ Tram แบบยกระดับหรือ BTS หรือ Monorail และแบบใต้ดินหรืออุโมงค์ โดยต้องมีวิเคราะห์ปัจจัยหลักทางด้านกายภาพ สภาพถนนเดิม เส้นทาง และการเวนคืนที่ดิน รวมทั้งผลกระทบสิ่งแวดล้อมและงบประมาณการลงทุน
จากผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นในครั้งที่ 1 พบว่าโครงสร้างทางวิ่งระดับดินหรือ Tram เป็นรูปแบบทางวิ่งที่ก่อสร้างระดับเดียวกับถนนเดิมมีผลกระทบต่อการใช้พื้นที่ผิวการจราจร เนื่องจากถนนมีความกว้างน้อยและจุด ตัดมากจะส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจร ขณะที่โครงสร้างทางวิ่งใต้ดินเป็นรูปแบบทางวิ่งใต้ระดับถนนเดิมจะมีค่าก่อสร้างสูงมาก และรูปแบบนี้เหมาะสำหรับถนนที่มีความกว้างเขตทางเดิมมากเช่นกัน ขณะที่ระบบยกระดับซึ่งได้เลือกระบบ Monorial นั้นเป็นโครงสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่สูงกว่าระดับถนนเดิมแล้วแต่การกำหนด การก่อสร้างที่มีผลกระทบน้อยเพราะจะมีเพียงพื้นที่ก่อสร้างตอม่อหรือ Pier ที่กว้างเพียง 1.8 เมตร และมีการนำมาประกอบเพื่อลดผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง ขณะที่งบการลงทุนก็น้อยกว่าระบบอื่น ที่สำ คัญเหมาะกับพื้นที่ผิวถนนเดิมของเมืองพัทยาที่มีความกว้างเขตทางไม่มากนัก
ขณะที่เส้นทางการเดินรถนั้นได้กำหนดไว้ 3 เส้นทางหลักได้แก่
1.สายสีแดง ระยะ 8.20 กม.วิ่งจากสถานีรถไฟพัทยา-มอเตอร์เวย์-ถนนพัทยาเหนือ-ถนนสายชายหาด-ท่าเรือบาลีฮาย
2.สายสีเขียว ระยะ 9 กม.วิ่งจากสถานีรถไฟพัทยา-มอร์เตอร์เวย์-ถนนพัทยาเหนือ-ถนนพัทยาสายสอง-แยกทัพพระยา-แหลมบาลีฮาย
และ 3.สายสีม่วง วิ่งจากสถานีรถไฟพัทยา-มอร์เตอร์เวย์-ถนนพัทยาเหนือ-ถนนพัทยาสาย 3-ถนนทัพพระยา-แหลมบาลีฮาย
จากผลการศึกษาทางกายภาพแล้วและการรับฟังความคิดเห็นพบว่า สายสีเขียว เป็นเส้น ทางที่มีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนใช้ในการสัญจร ไม่จำเป็นต้องมีการเวนคืนที่ดินมากนัก และบริเวณถนนพัทยาสายสองไม่มีอาคารที่มีความสูงเกิน 4 ชั้นมากทำให้การยกระดับไม่จำเป็นต้องใช้ระดับความสูงซึ่งอาจส่งผลต่องบประมาณในการลงทุนทั้งสถานีจอด และทัศนียภาพ อย่างไรก็ตามสำหรับเส้นทางนี้อาจต้องมีการเวนคืนที่ดินบ้าง อาทิ ริมถนนมอร์เตอร์เวย์ด้านทิศใต้เลียบรั้วตลอดแนวเพื่อไม่ให้ไปรบกวนเส้นทางหลัก จุดที่ 2 คือบริเวณหน้าห้าง Terminal 21 และ 3.บริเวณแยกทัพพระยา โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดจอดรวม 13 จุด อย่างไรก็ตามการดำเนินการศึกษาก็ยังคงดำเนินการต่อไปรวมทั้งการรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อนจะสรุปเสนอต่อเมืองพัทยาต่อไป ส่วนรูปแบบทั้งหมดนั้นคงจะเป็นการลงทุนแบบ PPP หรือร่วมกับเอกชน ซึ่งจะมีการประเมินตามผลการศึกษาว่าจะดำเนินการในรูปแบบใดต่อไป