หมดเวลายื้อ! เมืองพัทยาเตรียมปิดหมายรื้อ“บ้านสุขาวดี”23มี.ค.นี้ หลังคณะกรรมการฯไม่รับอุทธรณ์

ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี(19 มี.ค.)นายสุธรรม เพ็ชเกตุ รองปลัดเมืองพัทยา รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยาเป็นประธานการประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะในเขตเมืองพัทยา โดยประเด็นเร่งด่วนคือกรณีของการบุกรกของ “บ้านสุขาวดี” ซึ่งมีการจัดทำประโยชน์ และการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่จำนวน 1 อาคาร และขนาดเล็ก 2 อาคาร บริเวณที่ดินสาธารณะริมทะเลขนาดใหญ่ 11 ไร่ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมาเป็นเวลานาน

นายสุธรรม เปิดเผยว่าเมืองพัทยาได้แจ้งหนังสือไปยัง บ.เฮลท์ฟ้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ในนาม “บ้านสุขาวดี” ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังตรวจพบว่ามีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งนายกเมืองพัทยาได้ลงนามคำสั่งให้ปิดหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทั้งการระงับใช้ การห้ามก่อสร้างดัดแปลง และให้รื้อถอนออกจากพื้นที่ ตามคำสั่งแบบ ค.3 ค.4 ค.7 และ ค.10 ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมี 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคาร A เป็นอาคารโครงเหล็ก 2 ชั้น ขนาด 18.30x 55.30 เมตร จำนวน 1 หลัง และป้ายโครงสร้างเหล็กขนาด 10×13 เมตรจำนวน 2 ป้าย อาคาร B เป็นอาคาร ค.ส.ล.1 ชั้น ขนาด 35×40 เมตรจำนวน 1 หลัง และ อาคาร C เป็นอาคาร ค.ส.ล.1 ชั้น ขนาด 5×15 เมตรจำนวน 1 หลัง เนื่องจากอาคารเหล่านี้ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งบนที่สาธารณะประโยชน์ริมทะเล ซึ่งแม้ว่าจะมีการคัดค้านจากทาง “บ้านสุขาวดี” ว่าดำเนินการบนที่งอกตามธรรมชาติ ส่วนอาคารเหล่านี้ก็ได้ยื่นแบบเพื่อขอแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่จากกาตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ ระวางที่ดินจากสำนักงานที่ดินอำเภอบางละมุง และพยานแวดล้อม พบว่าจุดดังกล่าวมีลักษณะเป็นปากคลองธรรมชาติ และไม่มีที่ดินงอกตามคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงถือว่าเมืองพัทยามีเอกสารที่สามารถชี้แจงได้อย่างครบถ้วน

ที่ผ่านมาทาง บ.เฮลท์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ บ้านสุขาวดี” ได้ทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งของเมืองพัทยาต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ระดับจังหวัดในกรณีดังกล่าวตามเหตุ ผลข้างต้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 โดยระบุว่าไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎ หมายสร้างความไม่เป็นธรรมและภาระแก่บริษัทฯ ด้วยที่ดินที่มีการระบุว่าเป็นที่สาธารณะนั้นเป็นที่ดินที่งอกจาก โฉนดของทางบริษัทฯ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มีผลให้ทาง บริษัทฯมีกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินนั้น และปัจจุบันยังเป็นข้อพิพาทระหว่างการขอออกโฉนดที่ดิน ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ขณะที่อาคารทั้งหมดสามารถดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายได้นั้น

นายสุธรรม กล่าวต่อไปว่าล่าสุดทางคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ได้พิจารณาคำร้องและหลักฐานต่างๆแล้วพบว่าทาง บ.เฮลท์ฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เจ้าของอาคารดังกล่าว มีผู้ลงนามในหนังสือคำอุทธรณ์ในการยื่นร้องต่อคณะกรรมการจำนวน 2 ราย แต่หนังสือไม่ปรากฏการประทับตราสำคัญของทาง บริษัทฯ แต่อย่างใด ดังนั้นจึงถือว่าเป็นการอุทธรณ์ที่ไม่มีผลผูกพันกับบริษัทฯจึงไม่เป็นผู้อุทธรณ์ที่ถูกต้อง และผู้ร้องทั้ง 2 รายมิใช่ผู้รับคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จึงวินิจฉัยไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณา

ทั้งนี้ การพิจาณาคำอุทธรณ์ไม่ผ่านความเห็นชอบ ทางบริษัทฯเองก็มีสิทธ์เสนอยื่นคำฟ้องเป็นหนังสือต่อศาลปกครองระยองได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ซึ่งหากมีการฟ้องร้องจริงเมืองพัทยาก็ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนที่สามารถชี้แจงและตรวจสอบได้ขณะที่เมืองพัทยาในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นหลังผลการพิจารณาคำอุทธรณ์ชัดเจน จากนี้ก็จะนำผลดังกล่าวพร้อมพร้อมประกาศรื้อถอนอาคารไปปิดที่อาคาร “บ้านสุขาวดี” ในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งจะมีผลให้เจ้าของอาคารต้องรื้อถอนใน 15 วันโดยหากไม่ทำตามคำสั่งเมืองพัทยาก็จะรื้อถอนในทันทีพร้อมปิดกั้นรั้วตลอดแนวที่ดินสาธารณะ 11 ไร่ เพื่อไม่ให้มีการใช้ประโยชน์เป็นการส่วนบุคคลอีกต่อไป

นายสุธรรม กล่าวอีกว่าได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักการคลัง เข้าไปตรวจสอบฐานภาษีที่บ้านสุขาวดีใหม่ เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่มีการชำระภาษีประมาณปีละ 4 แสนกว่าบาท ซึ่งจะได้ดูว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ นอกจากนี้ DSI จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหลักฐานและพยานแวดล้อมเกี่ยวกับพื้นที่ปัญหาปกคลองที่มีการบุกรุกว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยจะรับเรื่องนี้อีกทางหนึ่งด้วย.