ชื่นชมพลเมืองดีเก็บประเป๋าเงินหมื่นคืนยายหลังตามหาตัวมานาน เกือบ 2 เดือน
ที่บริเวณลานตลาด ข้างธนาคารกรุงไทย สาขากิโล10 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ นายสกล กลั่นแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 นางสุนทรี จะบัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่5 ตำบลพลูตาหลวง นายปฤษฎี หวดวิเศษ ส.อบต.หมู่ที่1 กรณีมีพลเมืองดีเก็บกระเป๋าที่มีเงินสดอยู่จำนวนมาก และนัดนำคืนเจ้าของ หลังตามหาเจ้าของกระเป๋าเงินมานานเกือบ 2 เดือน
สำหรับเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น.นางสาววราวรรน รัดนา พนักงานร้านไชยกมลการฟ้า พบกระเป๋าใบหนึ่งตกอยู่บริเวณโคนเสาไฟ หน้าธนาคารกรุงไทย สาขากิโล10 และคิดว่าในนั้นน่าจะมีสิ่งของสำคัญ แต่ไม่รู้ว่าจะตามหาเจ้าของอย่างไร จึงนำไปฝากไว้กับ นายอนุสรณ์ ไทยญานุสร เจ้าของร้านขายข้าวขาหมู เพราะเห็นว่าร้านใกล้อยู่กับบริเวณที่กระเป๋าตกอยู่ เจ้าของกระเป๋าอาจกลับมาตามหา
ด้านเจ้าของร้านขายข้าวขาหมู รับกระเป๋ามาเก็บไว้ แต่ก็ไร้วี่แววของเจ้าของกระเป๋ามาตามหา จึงพูดคุยกับ นางสาวพนารันต์ กล่อมแก้ว เจ้าของร้านข้ามต้มปลาที่อยู่ติดกัน เพื่อเป็นพยานในการเปิดประเป๋า พร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พบว่าในกระเป๋ามีเงินสด 12,860 บาท และบัตรประชาชน ชื่อนางสุรินทร์ ศิลศร อายุ 60 ปี ที่อยู่อาศัยตามบัตรประชาชน อยู่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จึงประสานแจ้งไปยัง นางสุนทรี จะบัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่5 ตำบลพลูตาหลวง เพื่อตามหาเจ้าของ ซึ่งตรวจจากบัตรประชาชน ไม่พบอยู่ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จึงแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค้นหาชื่อ จนทราบว่า อยู่ในหมู่ 2 ตำบลพลูตาหลวง ซึ่งมี นายสกล กลั่นแก้ว เป็นผู้ใหญ่บ้าน และช่วยตามหา นางสุรินทร์ ศิลศร อยู่นาน กระทั่งเจอตัว และติดต่อเพื่อมารับกระเป๋าคืนในที่สุด
ทั้งนี้ นางสุรินทร์ ศิลศร เดินทางมารับกระเป๋าคืนด้วยความดีใจ ปลื้มใจ และร่วมกันนับเงินสดว่าอยู่ครบหรือไม่ โดยมี นายสมประสงค์ วังแก้วหิรัญ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สส.เขต10 ชลบุรี เป็นผู้นับเงิน และเป็นสักขีพยาน ปรากฎว่าเงินยังอยู่ครบทุกบาท
นางสุรินทร์ กล่าวว่าวันนั้นมากดเงินผู้สูงอายุและเงินดิจิตอลวอลเลตจากรัฐบาล รวม 12,860 บาท ก่อนจะทำกระเป๋าหายไปที่ไหนก็จำไม่ได้ และไปลงบันทึกประจำวันไว้ ไม่คิดว่าจะได้กระเป๋าและเงินกลับคืน ขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง