เจาะรูโหว่ พ.ร.บ.การพนัน! แฉ!“บิ๊กนายทุน”ตู้คีบตุ๊กตา เลี่ยงบาลี “ศรีธนญชัย”สับขาหลอก

สมรภูมิแข้งยูโรฯ กำลังปะทุดุเดือดทางซีกโลกตะวันตก!

ลีลา อารมณ์ เหลี่ยมคม ชั้นเชิง ลูกล่อ ลูกชน กลเม็ดเด็ดพรายแพรวพราว ต่างงัดความเหนือชั้นออกมา ห้ำหั่นบรรเลงเพลงเตะ สัประยุทธ์สุดคอหอยทุกแมตซ์

เทศกาล “ยูโรฟีเวอร์”มาพร้อมกับคำสั่งเจ้ากรมปทุมวัน “บิ๊กต่าย”พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ให้เหล่าทัพสีกากีทั่วประเทศ กดปุ่มเขี่ยลูก“คิก-ออฟ”ตั้งศูนย์ปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป2024 อย่างเข้มข้น

เริ่มสตาร์ทตั้งแต่14 มิถุนายน ไปชน 14 กรกฎาคม 2567 โดยมอบหมายให้ “เดอะอ้อ” พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นแม่ทัพน้อย เดินเครื่องสั่งทุกหน่วยลุยปราบจริงจัง เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ

เพื่อให้คนไทยสนุกกับเกมส์ลูกหนัง มากกว่า “ฉิบหาย-ขายตัว” มัวเมาบ้าใบ้ไปกับเรื่องพนัน!

มันไม่ใช่เรื่องแปลก! แค่แหกปากก็เห็นลิ้นไก่ รู้ๆกันอยู่ว่า “ผีพนัน”มันอาละวาดสิงสู่อยู่ทุกหนแห่ง!!

ไม่เว้นแม้แต่ “ตู้คีบตุ๊กตา”จะเรียกมันว่า “ตู้(พนัน)ผีสิง”เสียเลยก็คงไม่ผิด!

ลูกเล็ก-เด็กแดง ถูกหลอกล่อ-หลอกหลอน จนร้องกระจองอแง ติดงอมแงม กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง!

โดนอสูรร้ายอบายภูมิสิงสู่ ตั้งแต่วัยยังละอ่อนไร้เดียงสา!!

หากภาพใหญ่ของวงจรพนันขึ้นหิ้งแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็น ไฮโล,โปปั่น,หวย ก.ข.,กำถั่ว,ป๊อกแปดเก้า,จับยี่กี,เบี้ยโบก,ต่อแต้ม, ไพ่สามใบ,น้ำเต้าปูปลา, ปั่นแปะ,บาคาร่า ตู้สล๊อตฯ,พนันออนไลน์

เปรียบเสมือน “ขุมอเวจีใหญ่ เหมืองไฟนรกโลกันต์” กำลังแผดเผาสังคมไทย มอดไหม้เป็นตอตะโก บ้างก็ตกเป็นทาสพิการง่อยเปลี้ยเสียขา!

ตู้คีบตุ๊กตาผีสิง มันก็ไม่ต่างไปจาก “ไม้ขีดไฟก้านแรก”ที่จุดเชื้อ “ชนวนวิบัติ” ปะทุคุติดขึ้นมา แล้วค่อยๆ ลามเลีย “ล้างสมอง” ซึมซับไปตามวัยอินโนเซ้นท์ของเด็ก…

จุดเริ่มต้น เข้าสู่วงจร “ดักแด้อสูร” ก่อนจะแปลงร่างเป็น“ซอมบี้-ผีพนัน”เมื่อโตเต็มวัย! จนกลายเป็นปัญหาสังคมในที่สุด

ความน่าสะพรึงกลัวของเจ้าตู้คีบตุ๊กตา ที่ถูกเคลือบด้วยขนมหวาน อาบเจือไว้ด้วยยาพิษ ตั้งกระจายอยู่ทั่วพื้นที่เมืองพัทยา พื้นที่ตำบลหนองปรือ และอีกหลายจุดในเขตพื้นที่ของอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ไม่ว่าจะตามห้างสรรพสินค้า ตลาดสดทุกแห่ง ไม่เว้นแม้ในย่านสถานที่จุดแลนด์มาร์ค แหล่งท่องเที่ยว ตามย่านชุมชนที่มีผู้คนจอแจ หรือแม้กระทั่งตามงานสวนสนุกวัดวาอาราม ก็ไม่ละเว้น

ตู้คีบฯ ที่กำลังแพร่ระบาดดาษดื่น ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด! ท่ามกลางเสียงอื้ออึงดังกระหึ่มไปทุกหย่อมหญ้า ว่าเป็นของ “บิ๊กนายทุน”คนหนึ่งในพื้นที่ของอำเภอศรีราชา เป็นผู้กว้างขวาง เส้นสายใหญ่บึ้ม กระเป๋าเงินหนาและพร้อมโปรยหว่าน…

ที่ผ่านมา เคยมีการจับ ดูเหมือนว่าจะจบ… แต่ไม่จบ!?!?

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เขาโจษกัน ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็น “บ้องกัญชา”ไปเสียฉิบ!!

เรื่องของตู้คีบตุ๊กตา เคยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่ง พากันมาจับกุมตรวจยึดและยกไปโรงพัก ทำไปทำมา กลายเป็นตู้ที่ไม่ผิด แปลไทยเป็นไทย ทำท่าว่าจะกลายเป็นของถูกกฎหมาย

เข้าใจแหละ ถนนธุรกิจสีเทาสายนี้ มักโรยด้วยเหลี่ยมคมแพรวพราว!!

คงต้องมาชำแหละกันดู ผิด-ไม่ผิด หรือ ไม่ถูก กับ ถูก แง่มุมมันต่างกันอย่างไร?

อ้างถึงข้อมูลของศูนย์ดำรงธรรมฯ และฝ่ายความมั่นคงอำเภอบางละมุง เกี่ยวกับ “ตู้คีบตุ๊กตา”ที่มีลักษณะเข้าและไม่เข้าข่ายการพนัน โดยระบุถึงคำสั่งหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0307.10/ว1081ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563

หนังสือดังกล่าว ลงนามโดย นายปวิณ ชำนิประศาสน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน ปลัดกระทรวงมหาดไทย…

สั่งการไปยังผู้ว่าฯทุกจังหวัด!

แจ้งถึงเรื่องซักซ้อมแนวทางการพิจารณาเครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องจักรกล ระบุถึง “ตู้คีบตุ๊กตา” ที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นเครื่องเล่นการพนันที่อยู่ในบัญชี ข.ลำดับ28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 ไว้คือ…

ผู้เล่นจะต้องแลกชิปมูลค่าเหรียญละ 10 บาท นำไปหยอดที่ช่องและจับคันโยกเลื่อนหาตำแหน่งเพื่อคีบตุ๊กตา จากนั้นกดปุ่มเพื่อให้ที่คีบตุ๊กตาปล่อยตุ๊กตาลงช่อง โดยการเล่นในแต่ละครั้งผู้เล่นอาจจะได้หรือไม่ได้ตุ๊กตา

ถือเป็นการพนัน เพราะมีการแพ้ชนะกันระหว่างผู้เล่นกับเจ้าของเครื่อง

การจัดให้มีการเล่นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตก่อนจึงจะเล่นได้ หากฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา12(2)ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับตู้คีบฯ ที่ไม่เข้าข่ายเครื่องเล่นการพนัน คือเจ้าของตู้ จะต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าที่โชว์ไว้ในตู้แต่ละชนิดไว้อย่างชัดเจน เมื่อผู้เล่นหยอดเหรียญครบตามราคาสินค้าที่กำหนดเพื่อให้เครื่องทำงาน แม้จะใช้วิธีการสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ดัน ยิง โยก หมุน หรือวิธีอื่นใด

เมื่อผู้ซื้อสินค้าชำระราคาตามที่กำหนดไว้ครบถ้วน ก็จะได้รับสินค้าที่อยู่ในตู้ขายสินค้ากลับไปทุกครั้งตามจำนวนที่กำหนด โดยมีอุปกรณ์นับไว้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน มูลค่าเท่ากัน ประกอบกับผู้ซื้อสินค้าได้รับทราบขั้นตอนและวิธีการขายสินค้าจากป้ายที่ติดไว้หน้าตู้ขายสินค้า

อันเป็นการแสดงเจตนาตรงกันถึงวิธีการเล่น หรือการซื้อสินค้าระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อสินค้าก่อนทำการซื้อที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อเป็นอย่างอื่นได้

จึงมิได้เป็นลักษณะการนำมาซึ่งผลของการแพ้ชนะกันแต่อย่างใดเพียงประสงค์เพื่อความเพลิดเพลินและเพิ่มทักษะแก่ผู้เล่น จึงไม่เข้าข่ายเครื่องเล่นพนัน ตามบัญชี ข.แต่อย่างใด

เท่าที่อ่านตามตัวบทกฎหมาย หากว่ากันไปตามเนื้อผ้า เชื่อว่ามันก็คงไม่มีอะไรในกอไผ่?

แต่สิ่งที่สังคม เกิดความคลางแคลง พูดจาภาษา “คอบอล” เขาเรียกว่า “สับขาหลอก-ตอกลูกส้น” เหมือนเล่นกลกลางแดด กันชัดๆ

วัดขนาด โลกมันกลม แต่สังคม(สีเทา)มันเหลี่ยม!!

งัดกลยุทธ์พลิกแพลงสู้ ดูช่องโหว่กติกา งัดเหลี่ยม “เลี่ยงบาลี” แบบศรีธนญชัยตัดไม้สวมตอ แค่ติดป้ายก็กลายเป็น“ยันต์เกราะเพชร” กลเม็ดแหกตา-สับขาหลอก

เอาเป็นว่า ต่อไปคงได้เห็น “ชุด ฉก.”ล่อซื้อตู้คีบตุ๊กตา เหมือนยาบ้า ยาไอซ์ คือต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย มัดแน่นคามือ คาหลักฐาน

ต้องใช้ “ความสด”บดขยี้ความเก๋า เพราะเหลี่ยมสีเทาเข้มทุกดอก!

ลำพังดูแค่ป้าย “ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ”แล้วเชื่ออย่างสนิทใจ แต่เนื้อในกลายเป็นว่า “ตู้ไม่ตรงปก”เป็นไปตามสูตรสำเร็จธุรกิจสีเทา แฝงสารพัดเล่ห์กล หรือถ้าถึงขั้นกล้าหาญชาญชัย หลับตาข้างหนึ่ง “รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก” คิก-ออฟลูกตามน้ำ อย่างไม่ขัดไม่เขิน…

“Ship หาย” คงไม่มีแต่คดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำล่องหน!

“ตู้คีบตุ๊กตา”ก็อาจมีสิทธิ์ “Ship หาย”ได้เหมือนกัน!!

อั๋น พันดาว