โลกเปลี่ยน-ยุคสมัยเปลี่ยน ! หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ปี 66 เขต 8-9 อ.บางละมุง กร่อย ผู้รับสมัครฯ ไม่เน้นเคาะประตูบ้านขอคะแนน เน้นหาเสียงผ่านโซเซียล

หลังจากวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรมีอายุครบ 4 ปี และสิ่งที่ตามมาคือถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอยของประชาชนผู้รักในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องการจะใช้สิทธิ์ ใช้เสียง ใน“การเลือกตั้ง” ทั้งนี้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและประกาศกำหนดวันรับสมัครอย่างเป็นทางการ โดยระหว่างวันที่ 3-7 เมษายนวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. รวม 5 วัน และวันที่ 11 เมษายน วันสุดท้าย ประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้ง/สถานที่เลือกตั้ง และวันสุดท้ายประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมกำหนดให้วันที่ 14 เมษายน เป็นวันประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งทว่าขั้นตอนต่าง ๆ ของการกำหนดการเลือกตั้งได้เสร็จลง เวลาที่เหลือจะเป็นการเข้าสู่โหมดการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆที่อาสาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ โดยแต่ละพรรคก็คงมีลีลา วาทะและไม้เด็ดในการหาเสียงที่แตกต่างกันออกไป ตามยุคตามสมัยและรูปแบบความถนัดของแต่ละพรรคการเมือง โดยมีจุดหมายเดียวกันคือคะแนนเสียงจากประชาชน เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในการบริหารประเทศไทยที่ประชาชนเฝ้ารอ ในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566

สำหรับพื้นที่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ถือเป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ ด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่รัฐบาลพยายามจะยกให้เป็นศูนย์กลางทางการลงทุนและท่องเที่ยวของระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ที่มีการทุ่มงบประมาณลงมาพัฒนานับหมื่นล้านบาท จึงถือเป็นอีกหนึ่งสนามการเลือกตั้ง อีกแห่งที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก ที่สำคัญการเลือกตั้งหนนี้ได้ปรับเปลี่ยนให้มีเขตเลือกตั้งใหม่เป็น 2 เขตได้แก่ เขต 8 และ 9 จึงทำให้มี ส.ส.ได้จำนวน 2 คน จากเดิมที่มี ส.ส.เพียง 1 รายเท่านั้น ทั้งนี้เพราะมีจำนวนประชา กรเพิ่มขึ้น สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ในเขต 8 และเขต 9 นั้น ประชาชนส่วนใหญ่เฝ้าจับตาว่าจะมีผู้ใด และพรรคไหนจะส่งตัวแทนมาลงสมัครชิงชัยในสนามเลือกตั้งนี้ ด้วยเพราะพื้นที่เมืองพัทยาถือเป็นพื้นที่สำคัญที่ “กลุ่มบ้านใหญ่” ที่มี นายสนธยา คุณปลื้ม พี่ใหญ่แห่งตระกูลคุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและอดีตนายกเมืองพัทยา ส่งลูกทีมลงชิงชัยในนาม “พรรคเพื่อไทย” ชนกับกลุ่มบ้านใหม่ ที่มีนายสุชาติ ชมกลิ่น หัวเรือใหญ่ของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำทีม งานนี้เรียกได้ว่า “กลุ่มบ้านใหญ่” ของนายสนธยา จะดูจริงจังและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หลังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้สมัครในนาม “พรรคพลังชล” แพ้ผู้สมัครจากพรรคอื่นถึง 3 พื้นที่ อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นคำถามของประชาชนจำนวนมากว่าจนถึงปัจจุบันนี้ “กลุ่มบ้านใหญ่” ยังคงอยู่ในใจของประชาชนอยู่หรือไม่ หลังสิ้นยุคของ “กำนันเป๊าะ” นายสมชาย คุณปลื้ม ด้วยที่ผ่านมาพบว่ามีนักการเมืองหลายขั้ว และส่วนบุคคล พยายามตีตัวออกห่างและปรับเปลียนพรรค สีเสื้อ กันวุ่นวาย จึงถือว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการวัดศรัทธาและบารมีของ “นายสนธยา คุณปลื้ม” กับ “นายสุชาติ ชมกลิ่น” กันแน่ ด้วยก่อนหน้านี้มีวาระดุเดือดใส่กันอย่างหนัก เรียกได้ว่าไม่ลดราวาศอกให้แก่กัน และดูจะรุนแรงมากขึ้น

ขณะที่ผู้สมัครในนามพรรคการเมืองอื่นๆ อาทิ พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และอีกหลายพรรคการเมือง ก็ถือว่ายังคงเป็นพรรคการเมืองที่ถูกจับตามองเช่นเดียวกัน ทั้งนี้แม้การลงสมัครของตัวแทนจากพรรคการเมืองอื่นๆ จะไม่ดุเดือด และขับเคี่ยวกันแบบถึงพริกถึงขิงดังเช่น 2 พรรคการเมืองใหญ่ ในนาม “กลุ่มบ้านใหญ่ และ “กลุ่มบ้านใหม่”

อย่างไรก็ตาม หลังเวลาผ่านไปก่อนจะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 พบว่าการหาเสียงแบบลงพื้นที่ “เคาะประตูบ้าน” เสนอนโยบายของพรรคการเมืองในพื้นที่ เขต 8 และเขต 9 กับเงียบเหงาชนิดที่ว่า “เงียบยิ่งกว่าเป่าสาก” เสียอีก เพราะเท่าที่สังเกตเห็นจะมีก็เพียงป้ายหาเสียงและรถแห่ที่ออกวิ่งไปตามชุมชน หมู่บ้าน เท่านั้น

ขณะที่ภาพของการลงพื้นที่ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของแต่ละพรรค กับลด ลงลงไม่เหมือนกับการเลือกตั้งในอดีต ที่จะเน้นการออกหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนถึงหน้าบ้าน ทั้งนี้นอก จากจะเป็นการแนะนำตัวแล้ว ยังถือเป็นการรับฟังปัญหา และชูนโยบายของพรรค ที่มองว่าการเลือกตั้ง ส.ส. ในครั้งนี้จะดุเดือดที่จะเห็นผู้สมัครและทีมงานหาเสียงลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงจากพี่น้อง ประชาชน กันอย่างคึกคัก แต่สุดท้ายก็พบว่าการหาเสียงยุคนี้สวนทางอย่างสิ้นเชิงแบบล้มกระดานปากกาเซียนกันเลยทีเดียว

เมื่อโลกเปลี่ยน ยุคสมัยเปลี่ยน จากระบบอนาล็อคเป็นดิจิทัล หรือจากหน้าหนังสือเป็นการสื่อสารแบบอิเลคทรอนิกส์ที่รวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มคนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้การเลือกตั้งและการหาเสียงในครั้งนี้เปลี่ยน ไปจากที่เน้นการลงพื้นที่พบปะขอคะแนนเสียงด้วยวิธีเคาะประตูบ้าน ชุมชนต่อชุมชน เปลี่ยนมาเป็นเน้นการหาเสียงผ่านระบบโซเซียลทุกมิติ ทำให้การหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.พื้นที่ชลบุรี เขตที่ 8 และเขตที่ 9 เงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะยังคงหวังเจอตัวผู้สมัครแบบตัวเป็นๆ มากกว่าเจอผ่านจอโลกดิจิตอลอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

ก่อนจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 66 ประชาชนฝากความหวังให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ทุกพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนให้เข้าทำงานเป็นตัวแทนในสภา ฯ ช่วยเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งเป็นปัญหาที่ฝังความยากจนของประชาชนมานานหลายทศวรรษ ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น งานนี้แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะไม่พบเจอหน้าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบตัวเป็นๆ ก็ตาม แต่ทุกนโยบายที่พรคการเมืองหาเสียงผ่านโลกดิจิตอลมันจะจดจำตลอดไปหากพรรคไหนชูนโยบายอะไรไม่ทำตาม 4 ปี ข้าง หน้าประชาชนคงไม่เลือกมาเป็นผู้แทนในสภาของพวกเขาอีกต่อไป สุดท้ายนี้ขอฝากเชิญชวนประชาชนผู้รักในระบอบประชาธิปไตยและมีสิทธ์เลือกตั้ง ร่วมมือร่วมใจกันออกไปใช้สิทธิ์ โดยเลือกคนดี คนที่มีความสามารถเข้ามาเป็นปากเสียงและตัวแทนของอำเภอบางละมุงได้อย่างเต็มภาคภูมิ พบกันวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้