จัดหนัก!ตำรวจลุยกวาดล้างเครือข่าย “หยาง จือกัว” นายทุนคลับวันพัทยา ยึดทรัพย์กว่า 70 ลบ.-ขยายผลหานอมินีคนไทย
จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และฝ่ายปกครอง เข้าจับกุมสถานบริการชื่อ “คลับวัน พัทยา” พบกลุ่มนักเที่ยวหลบหนี และทิ้งยาเสพติดไว้เกลื่อนพื้นจำนวนมาก โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ขยายผลกลุ่มผู้เสพ และเครือข่ายที่นำยาเสพติดมาจำหน่ายในสถานบริการเมืองพัทยา
กระทั่งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2565 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ปรก.รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมด้วย เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 หน่วยพิสูจน์หลักฐานชลบุรี ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด (แฮปปี้ วอเตอร์) โดยนำหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุม นายหยาง จือกัว ( MR.YANG ZHIGUO ) สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.559/2565 ลง 30 พ.ย.2565 ข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาจำหน่ายโดยการร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 1 (เคตามีน)ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและเป็นการกระทำเพื่อการค้าและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ” และข้อหา ” รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดถูกลงโทษ “
ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนพบว่า นายหยาง จือกัว นำเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด มาซื้อบ้านเลขที่ 222/112 และ 222/156 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยใช้เปิดเป็นบริษัท ซีแอนด์ เอฟ 112 พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท ลัคกี้
หยาง จำกัด พร้อมอ้างว่า ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฯ แต่ไม่พบการประกอบธุรกิจตามที่แจ้ง และยังพบว่า นำเงินไปลงทุนในธุรกิจห้อง KTV (ห้องคาราโอเกะ วีไอพี ) บนชั้น2 ของ “โบนผับ พัทยา” หรือ “คลับวัน” โดยจะรับนักท่องเที่ยวเฉพาะซาวจีนมาจัดปาร์ตี้ยาเสพติด
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมสถานบริการ “โบนผับ” หลายครั้ง โดยเฉพาะปี 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายเจษฎา หรือ แจ็ค สุทธิจันทรา กับพวก รวม 44 คน จัดปาร์ตี้เสพยาเสพติด (แฮปปี้ วอเตอร์) ส่งดำเนินคดี สภ.เมืองพัทยา ซึ่งในการจับกุมครั้งนั้น นายเจษฎา หรือแจ็ค รับว่าตนเองผสมยาเสพติดแฮปปี้ วอเตอร์ ให้กับ กับ นายนิติพัฒน์ หรือ กู๋เอี่ยว โชคชัยธนพร นำไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ ” และต่อมาศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ นายนิติพัฒน์ฯฝ หรือกู๋เอี่ยว และได้ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดรวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ส่ง ปปส. และ ปปง. ดำเนินคดี
ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง พบว่านายหยาง จือกัว เป็นนายทุนให้กับ นายนิติพัฒน์ หรือ กู๋เอี่ยว นำยาเสพติดแฮปปี้ วอเตอร์ ไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” และนำรายได้มาแบ่งกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง ได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับ นายหยาง จือกัว และศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 และในวันที่ 1 ธ.ค.65 เลขาธิการ ปปส.มีหนังสือเลขที่ 7415/2565 ให้อายัดทรัพย์สินของนายหยาง จือกัว ชั่วคราว
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม และยึดทรัพย์ฯ เครือข่ายนายหยาง จือกัว โดยมีทรัพย์สิน ได้แก่ บ้านเลขที่ 222/112 (เปิดเป็นบริษัท ซี แอนด์ เอฟ 1 12 พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด มูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท ) และ บ้านเลขที่ 222/156 พร้อมที่ดิน 98 ตรว. (เปิดเป็นบริษัท บริษัทลัคกี้ หยาง 2021 จำกัด มูลค่าประมาณ 10,000,000 บาท) และอายัดเงินในบัญชี จำนวน 2 บัญชี ยอดเงินจำนวน 14 ล้านบาท ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 ชุด บุหรี่และสุราต่างประเทศ
นอกจากนี้ จากการตรวจค้นขยายผลพบว่า นายหยาง ซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่เมืองพัทยา และ อ.บางละมุง ไว้อีกจำนวน 4 ห้อง มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท และซื้อรถยนต์ยี่โตโยต้า รุ่นอัลพาร์ท จำนวน 1 คัน และรถยนต์เอนกประสงค์ ยี่ห้อฮุนได รุ่น เอช1 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนตัว นายหยาง ทราบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวหุ้นส่วนธุรกิจในการเปิดบริษัททั้ง 2 บริษัท ซึ่งเป็นชาวไทย 2 ราย มาสอบปากคำเพิ่มเติม หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี และจะขยายผลถึงหุ้นส่วนรายอื่นๆ ที่มีชื่อและเกี่ยวข้องในบริษัทเครือข่ายของนายหยาง มาตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย พบว่า บ้านหลังข้างเคียง เลขที่ 222/158 มีชาวจีนจำนวน 4 คน พักอาศัยจึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่ามีบุคคลอยู่เกินกำหนด (โอเวอร์ สเตย์) จำนวน 1 คน จึงควบคุมทั้งหมดไปสอบสวน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายหยาง และมีความผิดอื่นๆ จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป.